คาด SET เข้าสู่ช่วงพักตัวเพื่อลดความร้อนแรง ในขณะที่แรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติคาดชะลอลงจากดอลลาร์แข็งค่า ทำให้เงินบาทชะลอการแข็งค่า อย่างไรก็ตาม ภาพรวมยังมีสัญญาณที่ดี และปัจจัยหนุนการลดดอกเบี้ยเฟด ทำให้คาดแนวรับ 1350 และ 1345 จุด ตามลำดับ ยังรองรับได้ ด้านแนวต้านอยู่ที่ 1366 และ 1372 จุด
ประเด็นสำคัญ
• ติดตามการแถลงนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่ซึ่งคาดจะมีขึ้นในสัปดาห์ที่ 2-3 ของ ก.ย. จะเผยรายละเอียดแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต คาดปรับจ่ายเงินให้กลุ่มเปราะบาง 13-14 ล้านคน ที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐก่อนจะครบกำหนดการเบิกจ่ายงบปี 2567 ในวันที่ 30 ก.ย.
• ธปท. เผยอยู่ระหว่างแก้ไขประกาศหลักเกณฑ์ปรับปรุงให้ผู้กู้สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์สามารถกู้ร่วมกับบุคคลในครอบครัวหรือเครือญาติได้ คาดจะมีผลบังคับใช้ภายในปีนี้ เพื่อให้ผู้กู้ได้รับการอนุมัติสินเชื่อได้มากขึ้น และส่งผลดีต่อธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์และอุตสาหกรรมรถยนต์
• รมว.คมนาคมเผยว่าจะเดินหน้าผลักดันโครงการแลนด์บริดจ์ให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมในยุคนี้แน่นอน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนและประเทศชาติ รวมถึงผลักดันเศรษฐกิจไทยให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน
• ททท. เผยสถานการณ์นักท่องเที่ยวต่างชาติ 4 เดือนท้ายปี 2567 (ก.ย.-ธ.ค.) เดินทางเข้าไทยคึกคักกว่าปีก่อน คาดมีจำนวน 12.22 ล้านคน เพิ่มขึ้น 20% สร้างรายได้ 652,826 ลบ. เพิ่มขึ้น 29%YoY คิดเป็นสัดส่วน 97% ของเป้าหมายที่ตั้งไว้ทั้งปีที่รายได้ 673,738 ลบ.
• รอยเตอร์รายงานว่า สมาชิก 8 ชาติจากโอเปกพลัสจะเดินหน้าแผนการเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันรวม 180,000 บาร์เรล/วัน ในเดือน ต.ค. หลังลิเบียลดการผลิตน้ำมัน และคาดเฟดมีแนวโน้มปรับลดดอกเบี้ยในก.ย. จะเป็นปัจจัยหนุนอุปสงค์น้ำมัน
• กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เผยการใช้จ่ายส่วนบุคคลของผู้บริโภคก.ค. เพิ่มขึ้น 0.5% สอดคล้องกับตลาดคาด ซึ่งบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจยังคงแข็งแกร่ง ดัชนี PCE ปรับขึ้น 2.5%YoY และ Core PCE ปรับขึ้น 2.6%YoY ต่ำกว่าตลาดคาด
• รัฐบาลสหรัฐฯ ประกาศเลื่อนการตัดสินใจครั้งสุดท้ายสำหรับการปรับเพิ่มภาษีสำหรับ EV จากจีน ภายหลัง Jake Sullivan ได้เดินทางกลับจากการเจรจากับจีน จากเดิมที่คาดว่าจะมีการประกาศในสัปดาห์นี้
กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET จะแกว่งตัว Sideway Up จากความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่น่าจะมีแนวโน้มฟื้นตัวหลังเริ่มมีความชัดเจนของสถานการณ์ทางการเมืองไทยและการเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในปลาย 3Q-4Q67 บวกกับ มอง ธปท. เปิดโอกาสเตรียมลดดอกเบี้ยได้มากขึ้น รวมไปถึงกระแส Fund Flow คาดยังไหลเข้าในตลาด EM ต่อเนื่อง ทำให้ค่าเงินบาทและเอเชียแข็งค่าขึ้น โดยมองเม็ดเงินลงทุนจะไหลออกจากกลุ่มพลังงาน ปีโตรเคมี สื่อสารและอิเล็กทรอนิกส์ เข้าสู่กลุ่มธนาคาร ค้าปลีก รับเหมาฯ และการแพทย์ ซึ่งช่วยลดทอนผลกระทบจากปัจจัยภายนอก โดยคาดดัชนี PMI ภาคการผลิตและบริการของสหรัฐและจีนจะชะลอตัวลง กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”
ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์
ช่วงสั้นมอง SET จะ Sideway Up จากคาดหวังเริ่มมีความชัดเจนของสถานการณ์ทางการเมืองไทยและการเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในปลาย 3Q-4Q67 กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ใน 4 ธีม ดังนี้
1) หุ้นที่คาดได้อานิสงส์จากคาดรัฐบาลใหม่จะเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นในช่วง ก.ย. นี้ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อหุ้นที่เกี่ยวกับสินค้าที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต แนะนำ CPALL CPAXT TNP CBG
2) นักลงทุนที่ต้องการสร้างกระแสเงินสดให้พอร์ตลงทุนระยะสั้น แนะนำหุ้นปันผลคุณภาพดีที่มีการจ่ายปันผลระหว่างกาลจากกำไร 1H67 โดยให้ Div. Yield ตั้งแต่ 1.5% ขึ้นไป แนะนำ HTC BCP BBL
3) นักลงทุนที่ต้องการเก็งกำไรในหุ้นที่คาดได้อานิสงส์จากแนวโน้มดอกเบี้ยขาลง แนะนำ กลุ่มเช่าซื้อ (MTC) กลุ่มอสังหาฯ (AP) กลุ่มค้าปลีก (CPALL CPAXT) กลุ่มโรงไฟฟ้า (GULF)
4) หุ้นที่กลุ่ม Earnings Play ซึ่งมีโมเมนตัมกำไรยังดี โดย 3Q67 คาดเติบโต YoY และ QoQ ส่วน 2H67 คาดเติบโต HoH และ YoY อีกทั้ง Valuation ไม่แพง เลือก DELTA GULF BDMS BEM
DAILY TOP PICKS
BBL: ยังเลือกเป็นหุ้นเด่นกลุ่มธนาคาร หลังมองมีปัจจัยกระตุ้นราคาหุ้นจาก 1) การตั้งสำรอง (credit cost) ลดลงในช่วงที่เหลือของปีนี้ 2) การเติบโตของสินเชื่อที่โดดเด่น 3) NIM ที่แข็งแกร่ง และ 4) อัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ที่ลดลง อีกทั้ง valuation ยังถูก โดยซื้อขาย PER 67F ที่ 6 เท่า (-2SD) และมีความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ต่ำ
DELTA: 2H67 คาดกำไรจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จากยอดขายกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับ AI ที่ยังคงเติบโตดี อีกทั้งยังมี upside จากการพัฒนาและการขายผลิตภัณฑ์ power supply ที่เกี่ยวข้องกับ AI ที่พัฒนาโดย DELTA Thailand เอง ซึ่งจะทำให้บริษัทไม่ต้องจ่ายค่า technical fee ให้กับทาง DELTA Taiwan
ข่าวเด่น