เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
บล อินโนเวสท์วิเคราะห์ "อ่อนตัวซื้อ ปัจจัยภายในยังเด่น"


 

มองการปรับลงแรงของตลาดหุ้นสหรัฐ นำโดยแรงขายหุ้น Nvidia กระทบ SET เพียงช่วงสั้น เนื่องจากมองปัจจัยภายใน ยังมีแรงหนุนจากรอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดใหม่ ทำให้ SET มีความโดดเด่น เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นต่างประเทศอื่นๆ ด้านแนวรับอยู่ที่บริเวณ 1360 และ 1350 จุด ตามลำดับ ยังรองรับได้ ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1370 และ 1375 จุด ตามลำดับ

ประเด็นสำคัญ

• ISM เผยดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐส.ค. ที่ 47.2 ต่ำกว่าตลาดคาด และยังปรับตัวต่ำกว่าระดับ 50 บ่งชี้ภาวะหดตัวของภาคการผลิต โดยหดตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 จากการหดตัวของคำสั่งซื้อใหม่และการจ้างงาน

• จีนจะเริ่มสอบสวนการทุ่มตลาดการนำเข้าเรพซีด (Rapeseed) หรือคาโนลา (Canola) ของแคนาดา ขณะที่ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสองประเทศเพิ่มขึ้น หลังจากรัฐบาลแคนาดา ได้กำหนดภาษีรถยนต์ไฟฟ้า (EV), เหล็ก และอะลูมิเนียมที่ผลิตในจีน

• เจพีมอร์แกนคาดตลาดที่อยู่อาศัยของจีนจะยังอยู่ในภาวะอ่อนแอต่อไป เนื่องจากมาตรการกระตุ้นและการสนับสนุนจากรัฐบาลที่ออกมาหลายระลอกแล้วนั้น ยังไม่มากพอที่จะพยุงภาคส่วนนี้ให้ฟื้นตัวขึ้นได้

• สรท. เผยมั่นใจยอดส่งออกในปีนี้จะขยายตัวได้ 1-2% โดยมีมูลค่าการส่งออกแตะ 10 ล้านลบ. โดยมีสัญญาณที่ดีจากการเติบโตของการนำเข้าสินค้าทุนที่จะส่งผลดีต่อการส่งออกในเดือน ส.ค.- ก.ย. แม้จะมีปัญหาเรื่องเงินบาทแข็งค่าที่คาดการณ์ว่าจะมีผลไปถึงต้นปี 68 ธปท. เผยรายงานดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจ ส.ค. 67 อยู่ในระดับ 47.1 ทรงตัวจากเดือนก่อน จากการเพิ่มขึ้นของความเชื่อมั่นด้านการผลิต และคำสั่งซื้อ แต่ด้านการจ้างงานปรับลดลง

• ครม. มีมติอนุมัติงบกลางเพื่อสำรองจ่ายสำหรับ 5 โครงการ ซึ่งรวมไปถึงการรับมืออุทกภัยและซ่อมแซมเส้นทางคมนาคม รวม 7.4 พันลบ.

• รมว. ท่องเที่ยวฯ เผยตั้งแต่ 1 ม.ค.–1 ก.ย. 67 มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติสะสม 23,640,205 คน และสร้างรายได้ราว 1.11 ล้านลบ. โดยจำนวนนักท่องเที่ยวในสัปดาห์ก่อนลดลง 12.7%WoW หลังสิ้นสุดช่วงวันหยุดยาวในอินเดียและการเปิดภาคเรียนในจีนและเกาหลีใต้

กลยุทธ์การลงทุน

ช่วงสั้นมอง SET จะแกว่งตัว Sideway Up จากความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่น่าจะมีแนวโน้มฟื้นตัวหลังเริ่มมีความชัดเจนของสถานการณ์ทางการเมืองไทยและการเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในปลาย 3Q-4Q67 บวกกับ มอง ธปท. เปิดโอกาสเตรียมลดดอกเบี้ยได้มากขึ้น รวมไปถึงกระแส Fund Flow คาดยังไหลเข้าในตลาด EM ต่อเนื่อง ทำให้ค่าเงินบาทและเอเชียแข็งค่าขึ้น โดยมองเม็ดเงินลงทุนจะไหลออกจากกลุ่มพลังงาน ปีโตรเคมี สื่อสารและอิเล็กทรอนิกส์ เข้าสู่กลุ่มธนาคาร ค้าปลีก รับเหมาฯ และการแพทย์ ซึ่งช่วยลดทอนผลกระทบจากปัจจัยภายนอก โดยคาดดัชนี PMI ภาคการผลิตและบริการของสหรัฐและจีนจะชะลอตัวลง กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”  

ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์

ช่วงสั้นมอง SET จะ Sideway Up จากคาดหวังเริ่มมีความชัดเจนของสถานการณ์ทางการเมืองไทยและการเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในปลาย 3Q-4Q67 กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ใน 4 ธีม ดังนี้ 

1)  หุ้นที่คาดได้อานิสงส์จากคาดรัฐบาลใหม่จะเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นในช่วง ก.ย. นี้ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อหุ้นที่เกี่ยวกับสินค้าที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต แนะนำ CPALL CPAXT TNP CBG 

2)  นักลงทุนที่ต้องการสร้างกระแสเงินสดให้พอร์ตลงทุนระยะสั้น แนะนำหุ้นปันผลคุณภาพดีที่มีการจ่ายปันผลระหว่างกาลจากกำไร 1H67 โดยให้ Div. Yield ตั้งแต่ 1.5% ขึ้นไป แนะนำ HTC BCP BBL 

3)  นักลงทุนที่ต้องการเก็งกำไรในหุ้นที่คาดได้อานิสงส์จากแนวโน้มดอกเบี้ยขาลง แนะนำ กลุ่มเช่าซื้อ (MTC) กลุ่มอสังหาฯ (AP) กลุ่มค้าปลีก (CPALL CPAXT) กลุ่มโรงไฟฟ้า (GULF) 

4)  หุ้นที่กลุ่ม Earnings Play ซึ่งมีโมเมนตัมกำไรยังดี โดย 3Q67 คาดเติบโต YoY และ QoQ  ส่วน 2H67 คาดเติบโต HoH และ YoY อีกทั้ง Valuation ไม่แพง เลือก DELTA GULF BDMS BEM

DAILY TOP PICKS

BDMS: มองเป็นหุ้นเด่นกลุ่มการแพทย์และกำไรจะแข็งแกร่งขึ้นใน 2H67 โดย 3Q67 คาดกำไรปกติจะเติบโต YoY แรงหนุนจากรายได้ที่เพิ่มขึ้น และเติบโต QoQ จากเข้าสู่ High Season ขณะที่ทั้งปี 2567 คาดมีกําไรปกติเติบโต 13%YoY สู่ 1.6 หมื่น ลบ. อีกทั้ง valuation ยังอยู่ในระดับต่ำที่ PER 67F ระดับ 27 เท่า (-2SD) วันนี้แนะนำราคาเข้าซื้อไม่เกิน 27.50 บาท

DIF: มองได้ประโยชน์จากผลตอบแทนพันธบัตรที่กำลังเปลี่ยนเป็นขาลง และราคาหน่วยลงทุน DIF ปรับขึ้นช้ากว่ากลุ่ม REIT ขณะที่คาดให้ Dividend Yield ปี 67 ถึง 11.5% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ 8.6% อีกทั้งมองความเสี่ยงที่ TRUE (ถือ DIF อยู่ 20.6%) จะขายหน่วยลงทุน DIF ออกมาอีกอยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากฐานะการเงินดีขึ้นชัดเจนหลังควบรวมกิจการ 
 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 04 ก.ย. 2567 เวลา : 10:51:31
25-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 25, 2024, 1:46 am