คาด SET มีโอกาสกลับมาปรับขึ้นได้ จากปัจจัยหนุนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยติดตามการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาในวันนี้ และพรุ่งนี้ รวมถึงนักลงทุนต่างชาติเริ่มกลับมาซื้อสุทธิในตลาดเมื่อวาน ด้านแนวรับอยู่ที่ 1410 และ 1400 จุด ตามลำดับ คาดยังรองรับได้ ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1430 และ 1435 จุด ตามลำดับ
ประเด็นสำคัญ
• หลังการดีเบตชิงตำแหน่ง ปธน. สหรัฐฯ ผลสำรวจของ CNN ระบุว่าคามาลา แฮร์ริส ตัวแทนจากพรรคเดโมแครตสามารถคว้าชัยชนะเหนือโดนัลด์ ทรัมป์ ตัวแทนจากพรรครีพับลิกัน ด้วยคะแนน 63% ต่อ 37% เมื่อเทียบกับคะแนน 50% ต่อ 50% ก่อนดีเบต
• สหรัฐฯ เผยดัชนี CPI ส.ค. ปรับตัวขึ้น 0.2%MoM สอดคล้องกับตลาดคาด แต่ดัชนี Core CPI ส.ค. เพิ่มขึ้น 0.3%MoM สูงกว่าตลาดคาด ทำให้นักลงทุนลดความคาดหวังที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมเดือนก.ย.
• พายุเฮอร์ริเคน Francine ทำให้บริษัทพลังงานหลายแห่งระงับการผลิตที่แท่นขุดเจาะน้ำมันนอกชายฝั่งของสหรัฐฯ และคาดสัปดาห์หน้าจะกระทบต่อเรือบรรทุกน้ำมันที่แล่นผ่านอ่าวเม็กซิโก ทั้งนี้ 39% ของการผลิตน้ำมันดิบในอ่าวเม็กซิโกถูกระงับแล้ววานนี้
• FETCO และสมาคมบลจ. เตรียมเสนอคลังพิจารณาต่ออายุและปรับเกณฑ์ลงทุน SSF เดือนต.ค.นี้ หนุนคนรุ่นใหม่ออมเงินระยะยาวเพิ่ม หลังพบตัวเลข SSF สิ้นเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น AUM รวมกว่า 6 หมื่นลบ.
• รมว.พลังงานเผยการประชุม กบง. ในสิ้นเดือน ก.ย นี้จะมีการพิจารณาราคาก๊าซหุงต้มตลาดโลกและสถานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง โดยคาดจะมีการต่ออายุราคาขายปลีกแอลพีจีอยู่ที่ 423 บาท/ถังขนาด 15 ก.ก. ต่อไปอีก 3 เดือน จากที่จะหมดอายุ 30 ก.ย. นี้
• นายกสมาคมอาคารชุดไทยเผยตลาดคอนโดยังไร้สัญญาณฟื้น จากกำลังซื้อคนไทยอ่อนแอ ตลาดต่างชาติเริ่มแผ่วลง ค่าบาทแข็ง วอน ธปท. ผ่อนเกณฑ์ LTV หั่นดอกเบี้ย เพิ่มโควตาต่างชาติซื้อ 75% เชียร์เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ชี้ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้จริง
กลยุทธ์การลงทุน
แม้ช่วงสั้นมอง SET ยังมีโมเมนตัมที่ดีจากคลายกังวลเสถียรภาพทางการเมืองไทยและคาดหวังการเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลในปลาย 3Q-4Q67 แต่ช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา SET Index ปรับขึ้นแล้วกว่า 10%MoM จึงอาจต้องระวังแรงขายทำกำไรระยะสั้นบริเวณแนวต้าน 1450-1460 จุด โดยมองเม็ดเงินลงทุนจะสลับไหลออกจากกลุ่มธนาคาร ไฟแนนซ์ สื่อสาร ไปเข้าสู่กลุ่มปิโตรเคมี โรงไฟฟ้า อสังหา และการแพทย์ ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศมีความเสี่ยงจากเศรษฐกิจชะลอตัวมากขึ้น ซึ่งส่งผลให้เงินเฟ้อชะลอตัวลงและคาดจะนำไปสู่การปรับลดดอกเบี้ยนโยบายของ FED และ ECB กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”
ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์
แม้ช่วงสั้นมอง SET จะยังมีโมเมนตัมที่ดี แต่อาจต้องระวังแรงขายทำกำไรระยะสั้นหลังดัชนีปรับตัวขึ้นมาแรงในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ใน 4 ธีม ดังนี้
1) นักลงทุนที่ต้องการหุ้นเก็งกำไรซึ่งเทคนิคมีสัญญาณกลับตัว และ Valuation ยังไม่แพง โดยซื้อขายที่ PER และ PBV ต่ำกว่า -1SD แนะนำ CPN GPSC TFFIF
2) นักลงทุนที่ต้องการหุ้นเก็งกำไรซึ่งคาดได้อานิสงส์จากแนวโน้มดอกเบี้ยขาลง แนะนำ กลุ่มเช่าซื้อ (MTC) กลุ่มอสังหาฯ (AP) กลุ่มค้าปลีก (CPALL CPAXT) กลุ่มโรงไฟฟ้า (GULF) กลุ่ม REITs (LHHOTEL DIF)
3) หุ้นที่คาดได้อานิสงส์จากคาดรัฐบาลใหม่จะเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นในช่วง ก.ย. นี้ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อหุ้นที่เกี่ยวกับสินค้าที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต แนะนำ CPALL CPAXT BJC TNP CBG
4) หุ้นที่คาดได้อานิสงส์จากกองทุนวายุภักษ์รอบใหม่ โดยเลือกหุ้น SET100 ที่มีคุณสมบัติ 1) จ่ายเงินปันผลดี โดยให้ Dividend Yield ขั้นต่ำปีละ 3.5% 2) มี ESG Ratings สูงตั้งแต่ระดับ A-AAA และ CG ระดับ 5 ดาว และ 3) มีฐานะการเงินแข็งแกร่ง และผลประกอบการมีแนวโน้มเติบโตได้ในปี 2025 เลือก KTB BBL BCP ADVANC HMPRO
DAILY TOP PICKS
DELTA: 2H67 คาดกำไรจะเพิ่มขึ้น HoH และ YoY จากยอดขายกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับ AI ที่ยังคงเติบโตดี อีกทั้งยังมี upside จากการพัฒนาและการขายผลิตภัณฑ์ power supply ที่เกี่ยวข้องกับ AI ที่พัฒนาโดย DELTA Thailand เอง ซึ่งจะทำให้บริษัทไม่ต้องจ่ายค่า technical fee ให้กับทาง DELTA Taiwan ทั้งนี้แนะนำราคาเข้าซื้อวันนี้ไม่เกิน 103 บาท
WHA: มีมุมมองบวกต่อ backlog จนถึงปี 2568 โดยคาดกำไรจะเติบโต 12.7% ในปี 2567 และ 16.2% ในปี 2568 ด้วย FDI และการออกบัตรส่งเสริมที่ยังเติบโตต่อเนื่องในปี 2567 อีกทั้งเชื่อว่า WHA อยู่ในตำแหน่งที่จะได้รับประโยชน์มากที่สุดรายหนึ่งเมื่อเทียบกับผู้ประกอบการรายอื่นๆ ในกลุ่มนิคมฯ ทั้งนี้แนะนำราคาเข้าซื้อวันนี้ไม่เกิน 5.65 บาท
ข่าวเด่น