(-) ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง หลังแหล่งผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ บริเวณอ่าวเม็กซิโกเริ่มกลับมาดำเนินการอีกครั้งหลังได้รับผลกระทบจากอิทธิพลของพายุเฮอร์ริเคน Francine ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา นอกจากนี้ ท่าเทียบเรือส่วนใหญ่ในรัฐลุยเซียนาและท่าเรือน้ำมันนอกชายฝั่งรัฐลุยเซียนาได้กลับมาให้บริการ ส่งผลให้ตลาดคลายกังวลเรื่องผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันดิบสหรัฐฯ
(-) Baker Hughes รายงานจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบสหรัฐฯ สำหรับสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 13 ก.ย. 67 ปรับเพิ่มขึ้น 5 แท่นจากสัปดาห์ก่อนหน้ามาอยู่ที่ระดับ 488 แท่น ในขณะที่แท่นขุดเจาะก๊าซธรรมชาติปรับเพิ่มขึ้น 3 แท่น มาอยู่ที่ระดับ 97 แท่น ถือเป็นการปรับเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบปีและกลับสู่ระดับเดิมของกลางเดือนมิ.ย. 67 ที่ผ่านมา
(+) ตลาดจับตาผลการประชุมกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ที่จะจัดขึ้น ณ วันที่ 17-18 ก.ย. 67 ทั้งนี้ ตลาดคาดว่าเฟดจะมีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างน้อย 0.25% ในการประชุมนี้หลังอัตราเงินเฟ้อชะลอตัวลงต่อเนื่อง นับเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบกว่า 4 ปี ทั้งนี้ ตลาดคาดอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำลงจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและหนุนความต้องการใช้น้ำมันได้
ราคาน้ำมันเบนซิน
ราคาน้ำมันเบนซินปรับลดสวนทางราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังตัวเลขนำเข้าน้ำมันเบนซินในเวียดนามปรับลดลง 52.2% เทียบเดือนก่อนหน้า สะท้อนอุปสงค์ที่ชะลอตัวในช่วงฤดูมรสุม อย่างไรก็ดี ตลาดได้รับแรงหนุนจากตัวเลขการนำเข้าน้ำมันเบนซินของเม็กซิโกจากสิงคโปร์ปรับเพิ่มขึ้น 102.8% ในสัปดาห์นี้ หลังโรงกลั่นในสหรัฐฯ ได้รับผลกระทบจากพายุเฮอร์ริเคน
ราคาน้ำมันดีเซล
ราคาน้ำมันดีเซลปรับเพิ่มน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังสต๊อกน้ำมันดีเซลสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 6 ก.ย. 67 ปรับเพิ่มขึ้น 2.3 ล้านบาร์เรลสู่ระดับ 125 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 3 แสนบาร์เรล อย่างไรก็ดี ตัวเลขการส่งออกน้ำมันดีเซลสหรัฐฯ มีแนวโน้มตึงตัวมากขึ้นหลังโรงกลั่นในสหรัฐฯ เริ่มเข้าสู่ฤดูกาลซ่อมบำรุงช่วงเดือน ก.ย.- ต.ค. 67
ข่าวเด่น