คาด SET ยังได้ปัจจัยหนุนตามทิศทาง fund flow ไหลเข้า หลังดอลลาร์ที่อ่อนค่า ทำให้บาทแข็งค่า จากที่คาดเฟดจะลดดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์นี้วันที่ 17-18 ก.ย. และ sentiment บวก จากการขายกองทุนวายุภักษ์ ช่วยหนุนดัชนีขึ้นทะลุจุดสูงเดิมบริเวณ 1438 จุด โดยมีแนวต้านถัดไปที่ 1445-1450 จุด ด้านแนวรับอยู่ที่ 1420-1430 จุด คาดยังรองรับได้
ประเด็นสำคัญ
• คลังเตรียมเสนอที่ประชุมครม. แจกเงินหมื่นกระตุ้นเศรษฐกิจเฟสแรก 14.5 ล้านคน ทยอยรับเงินตั้งแต่ 25-27 ก.ย. และ 30 ก.ย.นี้ และจัดตั้งกองทุนรวม IFF ซื้อคืนสัมปทานรถไฟฟ้า 3 แสนลบ. จะเริ่มชัดเจนในปีนี้
• คมนาคมเตรียมเสนอที่ประชุมครม. พิจารณา 3 โครงการลงทุน วงเงินรวมกว่า 1 แสนลบ. และเสนอจัดสรรงบ 800 ลบ. จ่ายค่า K ให้ผู้รับเหมาเสริมสภาพคล่องเพื่อเดินหน้างานก่อสร้างค้างท่อถนนพระราม 2
• อุทกภัยทั่วโลกกำลังส่งผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินได้รับความเสียหายและยังต้องใช้ระยะเวลาซ่อมแซม รวมทั้งยังมีผลต่อระบบเศรษฐกิจ การดำเนินชีวิตประจำวัน ธุรกิจต้องปิดกิจการชั่วคราว รวมทั้งระบบโลจิสติกส์ ซึ่งไม่ได้เกิดเฉพาะที่ประเทศไทยเท่านั้น
• รมว. ท่องเที่ยวและกีฬาฯ เผยจะสานงานขับเคลื่อนการท่องเที่ยวไทย โดยมีเป้าหมายรายได้จากท่องเที่ยวไทยอยู่ที่ 3 ล้านลบ. มั่นใจว่าจะเป็นไปตามเป้า เนื่องจากช่วงที่เหลือของปียังมีการกระตุ้นอย่างต่อเนื่อง
• รมว. พาณิชย์ เผยจะพบกับผู้ว่า ธปท. เพื่อเสนอ 3 เรื่องให้ ธปท.ช่วยดูแลเศรษฐกิจและการส่งออก ได้แก่ 1. ขอให้ลดดอกเบี้ย 2. แก้ค่าเงินบาทแข็งค่า และ 3. ดูแลการเพิ่มเม็ดเงินสภาพคล่องสู่ระบบเศรษฐกิจ
• นายกฯ เตรียมถกด่วนคกก. อุทกภัยฯ สั่งเตรียมความพร้อมพื้นที่อีสานล่างรับสถานการณ์น้ำ อนุมัติฟรีค่าน้ำค่าไฟเดือน ก.ย. ในพื้นที่ประสบภัย และไฟเขียวงบกลาง 3 พันลบ. เยียวยาน้ำท่วม
• ราคาหุ้น Apple ร่วงลงเกือบ 3% หลังนักวิเคราะห์ระบุยอดขายในช่วงเปิดตัวของ iPhone 16 Series ที่ราว 37 ล้านเครื่อง ต่ำกว่า iPhone 15 Series ในปีที่แล้ว บ่งชี้ถึงความต้องการที่อ่อนแอกว่าที่คาด ซึ่งอาจเกิดจากการล่าช้าของการเปิดตัวฟีเจอร์ปัญญาประดิษฐ์
กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET ยังอยู่ในช่วงของการพักตัวและมี Upside จำกัด แต่อาจมีปัจจัยหนุนจากความคาดหวังการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ ซึ่งจะช่วยหนุนบรรายากาศลงทุนของตลาดสินทรัพย์เสี่ยงในระยะสั้นได้ อย่างไรก็ดี ต้องจับตาความแตกต่างด้านการดำเนินนโยบายของ BoJ ซึ่งอาจส่งผลต่อ Yen Carry Trade ที่อาจกระตุ้นแรงขายสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกได้ ท่ามกลางกระแสเงินในตลาด EM ที่ไม่ชัดเจน ทั้งนี้ในส่วนของตลาดหุ้นไทยมองจะมีเม็ดเงินลงทุนไหลเข้าในกลุ่ม Defensive อย่าง กลุ่มค้าปลีก กลุ่มการแพทย์ กลุ่มโรงไฟฟ้า กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”
ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์
มอง SET อยู่ในช่วงพักตัวและมี Upside จำกัด แต่อาจมีปัจจัยหนุจากความคาดหวังการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายของเฟดจะช่วยหนุนบรรยากาศลงทุนในตลาดสินทรัพย์เสี่ยง กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ใน 3 ธีม ดังนี้
1. นักลงทุนที่ต้องการหุ้นเก็งกำไรซึ่งเทคนิคมีสัญญาณกลับตัว และ Valuation ยังไม่แพง โดยซื้อขายที่ PER และ PBV ต่ำกว่า -1SD แนะนำ AP GPSC MTC AMATA
2. นักลงทุนที่ต้องการหุ้นเก็งกำไรซึ่งคาดได้อานิสงส์จากแนวโน้มดอกเบี้ยขาลง แนะนำ กลุ่มเช่าซื้อ (MTC) กลุ่มอสังหาฯ (AP) กลุ่มค้าปลีก (CPALL CPAXT) กลุ่มโรงไฟฟ้า (GULF) กลุ่ม REITs (LHHOTEL DIF)
3. หุ้นที่คาดได้อานิสงส์จากกองทุนวายุภักษ์รอบใหม่ โดยเลือกหุ้น SET100 ที่มีคุณสมบัติ 1) จ่ายเงินปันผลดี โดยให้ Dividend Yield ขั้นต่ำปีละ 3.5% 2) มี ESG Ratings สูงตั้งแต่ระดับ A-AAA และ CG ระดับ 5 ดาว และ 3) มีฐานะการเงินแข็งแกร่ง และผลประกอบการมีแนวโน้มเติบโตได้ในปี 2025 เลือก KTB BBL BCP ADVANC HMPRO
DAILY TOP PICKS
CPALL: กำไร 2H67 คาดจะเติบโต YoY ดีที่สุดในกลุ่มพาณิชย์ โดย 3Q67 คาดกำไรจะเติบโต YoY และ QoQ แรงหนุนจากยอดขายและมาร์จิ้นที่ดีขึ้นจากธุรกิจ CVS และ CPAXT ส่วน 4Q67 จะเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปี 2567 จากเข้าสู่ High Season อีกทั้ง valuation น่าสนใจ โดยซื้อขายที่ PER 67F ระดับ 25 เท่า (-2SD)
GPSC: มองมีปัจจัยบวกระยะสั้นจากราคาก๊าซที่ปรับตัวลง ขณะที่ปี 2567 คาดกำไรปกติอยู่ที่ 4.58 พันลบ. เติบโต 33.8%YoY และจะเติบโตต่อเนื่องอีก 16.3%YoY ในปี 2568 ปัจจัยหนุนจากส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจพลังงานหมุนเวียนในต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นหลังมีกำลังการผลิตติดตั้งที่สูงขึ้นในอินเดียและไต้หวัน
ข่าวเด่น