• ในปี 2567 อุปสงค์ถ่านหินโลกมีแนวโน้มเติบโต 0.4% นำโดยความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นจากประเทศผู้ใช้งานหลักอย่างจีนและอินเดีย ผลักดันให้จำนานถ่านหินที่ขายจากเหมืองในต่างประเทศของไทยมีโอกาสขยายตัว 1.7% อย่างไรก็ตาม ราคาถ่านหินที่ลดลงจากภาวะอุปสงค์ถ่านหินโลกที่ชะลอตัวและการเปลี่ยนผ่านสู่การใช้พลังงานสะอาด ยังกดดันผลประกอบการของธุรกิจถ่านหินในระยะยาว
• การใช้ถ่านหินภายในไทยปี 2567 คาดว่าจะหดตัวราว 6.3% จากความต้องการในภาคอุตสาหกรรมที่ลดลงแรงกว่า 25% เนื่องจากการลดลงของกิจกรรมการผลิตและกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวดขึ้น ในขณะที่ความต้องการในภาคการผลิตไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้น ราว 4.5% จากการลดต้นทุนการผลิต ภายใต้การใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มสูงขึ้น
ในปี 2567 อุปสงค์ถ่านหินโลกคาดว่าจะเติบโตเพียง 0.4% ชะลอตัวจากปีที่แล้วซึ่งเติบโต 2.6% จากภาวะภัยแล้งในจีนที่จบลง และกระแสรักษ์โลกใน EU ทว่าความต้องการถ่านหินในอินเดียยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากความต้องการไฟฟ้าในภาคอุตสาหกรรมที่กำลังเติบโต
ขณะที่อุปทานถ่านหินโลกในปี 2567 คาดว่าจะลดลงเล็กน้อยราว 0.35%โดยปัจจัยหลักมาจากการผลิตที่ลดลงในจีน เพราะมาตรการตรวจสอบความปลอดภัยในการทำเหมืองถ่านหินที่เข้มงวดขึ้น อย่างไรก็ตาม การผลิตถ่านหินในอินเดียและอินโดนีเซียยังคงเติบโต ส่งผลให้อุปทานถ่านหินโลกหดตัวเพียงเล็กน้อย
จำนวนการจัดจำหน่ายถ่านหินของผู้ประกอบการไทยในตลาดต่างประเทศในปี 2567 คาดจะเติบโตเพียง 1.7% จากอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นในอินเดีย แต่เติบโตชะลอลงในจีน ขณะที่ความต้องการถ่านหินในไทยหดตัวราว 6.3% ตามความต้องการในภาคอุตสาหกรรมที่ลดลงแรง โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมที่ใช้พลังงานความร้อนสูง แต่ก็ยังได้รับแรงพยุงจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นในภาคการผลิตไฟฟ้า จากการเพิ่มขึ้นของการใช้ถ่านหินเพื่อลดต้นทุนค่าไฟ ในภาวะที่ความต้องการไฟฟ้าเพิ่มสูงขึ้น
ข่าวเด่น