คาด SET แม้ช่วงแรกได้ sentiment บวก จากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ออกมาดี ลดความกังวลเศรษฐกิจสหรัฐถดถอย อย่างไรก็ตามในช่วงนี้ยังมองดัชนีมี upside จำกัด โดยมีแนวต้านอยู่ที่ 1465-1470 จุด ส่วนแนวรับอยู่ที่บริเวณ 1450 และ 1440 จุด ตามลำดับ หากต่ำกว่า เริ่มเป็นสัญญาณลบ ประเด็นสำคัญ ติดตามตัวเลข PCE สหรัฐในคืนนี้
ประเด็นสำคัญ
• กระทรวงการคลังพร้อมจะผลักดันมาตรการด้านภาษีและการเงิน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณาภาษีคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งใกล้เสร็จแล้ว คาดเสนอครม. เห็นชอบได้ในเร็วๆ นี้ เพื่อให้มีผลบังคับใช้ทันในปี 2567
• ม. หอการค้าไทยเผยผลสำรวจพฤติกรรมใช้จ่ายของประชาชนในช่วงเทศกาลกินเจปีนี้คาดมีเงินสะพัด 4.5 หมื่นลบ. เพิ่มขึ้น 1%YoY จากผู้บริโภคระมัดระวังการใช้จ่าย พร้อมคาดแจกเงินหมื่นดันเศรษฐกิจหมุน 3 รอบสะพัดแรง 4.5 แสนลบ. คาดหนุน GDP ปีนี้เติบโต 2.8%
• รัฐบาลจีนประกาศแจกเงินสดแก่ประชาชนกลุ่มยากจนมาก 4.74 ล้านคน ใช้งบรวม 1.55 แสนล้านหยวน เฉลี่ยราว 3.2 หมื่นหยวนต่อคน ก่อนวันชาติจีน (1 ต.ค.) ต่อเนื่องจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่
• สศอ. ปรับประมาณการ MPI ปีนี้เป็น -1 ถึง 0% จากเดิมคาดจะขยายตัวราว 0 ถึง 1% และ GDP ภาคอุตสาหกรรม -0.5% ถึง 0.5% จากเดิมคาดจะขยายตัว 0.5 ถึง 1.5% จากปัญหาหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง
• กกพ. เตรียมออกประกาศรับซื้อไฟฟ้าสีเขียวเฟสสอง ระยะที่ 1 รวม 2,180MW ภายในสิ้นเดือนก.ย. นี้ โดยให้สิทธิ์ผู้เข้าร่วมประมูลครั้งก่อนรวม 198 รายเข้าร่วมก่อน คาดจะรู้ผลผู้ถูกคัดเลือกภายในสิ้นปีนี้
• สหรัฐฯ เผย GDP 2Q24 +3.0%QoQ เป็นไปตามคาด ส่วนจำนวนผู้ขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลงสู่ 2.18 แสน ต่ำกว่าที่คาดไว้ที่ 2.24 แสน ตลาดคลายกังวลต่อเศรษฐกิจถดถอยและตลาดแรงงานอ่อนแอ
• ซาอุดิฯ เตรียมเพิ่มกำลังผลิตน้ำมันและละทิ้งเป้าหมายราคาน้ำมันดิบอย่างไม่เป็นทางการที่ US$100/bbl เพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งตลาด ส่วน OPEC+ เตรียมเดินหน้าเพิ่มกำลังการผลิตตามแผนเดิมในเดือน ธ.ค. นี้
กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET จะเคลื่อนไหวในลักษณะ Sideway Up และเริ่มมี Upside จำกัด แรงหนุนจะมาจากแนวโน้มดอกเบี้ยที่ปรับตัวลดลง บวกกับ ความคาดหวังการออกนโยบายผลักดันแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ รวมทั้งการแข็งค่าของเงินบาทระยะสั้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อบรรยากาศลงทุนในตลาดหุ้นไทยเมื่อเทียบกับภูมิภาค สะท้อนได้จาก Fund Flow ในเดือนก.ย. ที่ต่างชาติพลิกซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทยแล้วกว่า 3 หมื่นลบ. อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจของฝั่งเอเชีย โดยเฉพาะจีน ยังมีแนวโน้มอ่อนแอ ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”
ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์
มอง SET จะเคลื่อนไหว Sideway Up แต่เริ่มมี Upside จำกัดในช่วงสั้น ทั้งนี้คาดเม็ดเงินลงทุนไหลจะเข้าในกลุ่ม Defensive และหุ้นที่มีประเด็นบวกเฉพาะตัว กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ใน 4 ธีม ดังนี้
1. นักลงทุนที่ต้องการหุ้นเก็งกำไรซึ่งเทคนิคมีสัญญาณกลับตัว และ Valuation ยังไม่แพง โดยซื้อขายที่ PER และ PBV ต่ำกว่า -1SD แนะนำ AOT CRC AWC BCH BEM
2. นักลงทุนที่ต้องการหุ้นเก็งกำไรซึ่งได้อานิสงส์บวกจากสถานการณ์น้ำท่วม แนะนำ HMPRO GLOBAL CPALL BJC DCC และ TASCO ซึ่งสถิติปี 2553-2566 (เฉพาะปีที่เกิดน้ำท่วมในภาวะ La Nina ยกเว้นปี 2563 ซึ่งเผชิญวิกฤต COVID-19) พบว่าหากซื้อลงทุนช่วงครึ่งหลัง ก.ย. และขายต้น พ.ย. คาดหวังจะได้ผลตอบแทนเฉลี่ยราว 5.0%
3. นักลงทุนที่ต้องการหุ้นเก็งกำไรจากอานิสงส์ดอกเบี้ยขาลง กลุ่มเช่าซื้อ (MTC TIDLOR) อสังหาฯ (AP) ค้าปลีก (CPALL) โรงไฟฟ้า (GULF) REITS (LHHOTEL DIF)
4. หุ้นที่คาดได้อานิสงส์จากกองทุนวายุภักษ์รอบใหม่ โดยเลือกหุ้น SET100 ที่มีคุณสมบัติ 1) จ่ายเงินปันผลดี โดยให้ Dividend Yield ขั้นต่ำปีละ 3.5% 2) มี ESG Ratings สูงตั้งแต่ระดับ A-AAA และ CG ระดับ 5 ดาว และ 3) มีฐานะการเงินแข็งแกร่ง และผลประกอบการมีแนวโน้มเติบโตได้ในปี 2025 เลือก KTB BBL BCP ADVANC HMPRO
DAILY TOP PICKS
AP: มองเป็นหนึ่งในผู้พัฒนาโครงการที่จะได้ประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงซึ่งจะสนับสนุนให้ยอด presales ปี 2568 เติบโต ขณะที่ 3Q67 คาดกำไรจะเพิ่มขึ้น QoQ แรงหนุนจากการโอน backlog โครงการแนวราบ และการเริ่มโอนกรรมสิทธิ์คอนโดร่วมทุน Life พระราม 4-อโศก แต่จะลดลง YoY จากฐานสูง
AAV: 3Q67 คาดกำไรปกติจะปรับตัวดีขึ้น YoY และ QoQ แรงหนุนจากได้รับประโยชน์ในระยะสั้นจากเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นและราคาน้ำมันเชื้อเพลิงเครื่องบินที่ลดลง ขณะที่ปี 2567 คาดพลิกมีกำไรปกติที่ 3.0 พัน ลบ. (จากขาดทุนปกติ 206 ลบ. ในปี 2566) และจะกลับสู่ภาวะปกติ โดยจะเติบโต 7% ในปี 2568 มาอยู่ที่ 3.3 พันลบ.
ข่าวเด่น