หุ้นทอง
Special Report : "เศรษฐกิจไทย" ปี 2025 กำลังเข้าสู่ช่วงเปลี่ยนผ่าน เตรียมรับมืออย่างไรดี?


 

ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจโลกที่เข้าสู่การเปลี่ยนผ่านครั้งใหญ่อีกครั้ง หลังจากที่ ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือ Fed ได้ลดอัตราดอกเบี้ยลงครั้งแรกในรอบกว่า 4 ปี ที่ระดับ 0.50% เมื่อช่วง ก.ย. ที่ผ่านมา และมีแผนปรับลดดอกเบี้ยลงต่อเนื่องจนถึงปีหน้านั้น นับว่าเป็นการเข้าสู่วัฏจักรดอกเบี้ยขาลงทั่วโลก ที่ธนาคารประเทศต่างๆ เริ่มมีแนวโน้มปรับอัตราดอกเบี้ยลงตามไปด้วย อีกทั้งการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในเดือน พ.ย. นี้ ที่นโยบายด้านเศรษฐกิจและการเมืองของสหรัฐฯจะมีความชัดเจนมากขึ้น ซึ่งส่งผลต่อเศรษฐกิจทั่วโลก รวมถึงเศรษฐกิจไทยโดยตรงในปีหน้า ฉะนั้นจึงควรมีการตั้งรับที่ดีเพื่อบริหารจัดการพอร์ตลงทุนให้ได้รับผลตอบแทนที่เหมาะสมและปลอดภัยท่ามกลางปัจจัยเสี่ยงที่มีโอกาสเกิดขึ้น
 
การเข้าสู่ช่วงอัตราดอกเบี้ยที่เปลี่ยนเป็นแนวโน้มขาลงทั่วโลกถึงปี 2025 มีโอกาสส่งผลให้ตลาดการเงินโลกมีความผันผวนได้ เพราะเศรษฐกิจโลกจะมีทิศทางที่ชะลอตัวลง จากสถานการณ์เงินเฟ้อที่ปรับชะลอลง (ที่ทำให้สามารถปรับลดดอกเบี้ยได้) โดยจะเป็นไปในลักษณะ Soft Landing ที่กระทบต่อผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ปรับตัวลดลง จากการอ่อนค่าของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งทางบล. อินโนเวสท์ เอกซ์ หรือ InnovestX วิเคราะห์ว่า Fund Flow ที่มีการไหลออก โดยเฉพาะจากตลาดหุ้นพัฒนาแล้ว (DM) มีโอกาสไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นในตลาดเกิดใหม่ (EM) รวมถึงประเทศไทย ซึ่งได้เห็นสัญญาณจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าสุดในรอบ 31 เดือน โดยที่หลุดระดับ 33 บาท/ดอลลาร์สหรัฐไปเป็นที่เรียบร้อย รวมถึงดัชนีตลาดหุ้นของไทย ที่มีการฟื้นตัวเพิ่มขึ้น 7.6% เมื่อเทียบจากเดือนก่อน ด้วยแรงหนุนหลักจากนักลงทุนต่างชาติที่กลับมาซื้อสุทธิหุ้นไทยกว่า 3.4 หมื่นล้านบาท
 
แต่อย่างไรก็ตามเศรษฐกิจโลกรวมถึงไทย ยังคงต้องแบกรับกับตัวแปรสำคัญอย่างการดำเนินนโยบายระหว่างประเทศของสหรัฐฯ หลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในเดือน พ.ย. นี้ เนื่องจากนโยบายเศรษฐกิจระหว่าง 2 พรรคนั้นมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน โดยทางฝั่งพรรคเดโมแครต จะเน้นออกนโยบายเพื่อช่วยเหลือคนชนชั้นกลาง ในขณะที่ฝั่งพรรครีพับลิกัน ที่นำโดย โดนัลด์ ทรัมป์ จะเน้นการทำให้ธุรกิจภายในประเทศเติบโต ด้วยการยึดถือความเป็น “America First” ที่เน้นความมั่นคงของชาติเป็นหลัก ซึ่งไม่ว่าใครจะเป็นผู้ชนะก็ตาม การกีดกันสินค้านำเข้าจะยังคงไปต่อ โดยเฉพาะการขัดขวางการพัฒนาอุตสาหกรรมเทคโนโลยี และขัดขวางการเติบโตของเศรษฐกิจจีน ด้วยนโยบายกีดกันทางการค้า หรือ Trade War 2.0 ที่อาจมีการกำหนดอัตราภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเป็น 60% และการนำเข้าจากที่อื่นๆ เพิ่มขึ้นเป็น 10-20%
 
เพียงแต่หากโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรครีพับลิกัน ชนะการเลือกตั้ง นโยบายของพรรคมีโอกาสทำให้สหรัฐมีแนวโน้มการขาดดุลทางการคลังเพิ่มสูงขึ้น และจะส่งผลให้โลกแบ่งขั้วเศรษฐกิจและห่วงโซ่อุปทานเร็วขึ้น ที่มาตรการกีดกันจะไม่ได้หยุดอยู่แค่ทางการค้า แต่จะส่งผลถึงภาคบริการ ภาคการลงทุนด้วย ลามไปจนถึงการเคลื่อนย้ายแรงงานทั่วโลก ดังเช่นที่ตอนนี้มีการเข้มงวดเกี่ยวกับผู้อพยพเข้ามาในสหรัฐฯมากขึ้น
 
เตรียมรับมือกับปีหน้าอย่างไรดี?
 
จากปัจจัยทั้งหมด ทั้งการลดลงของอัตราดอกเบี้ย และนโยบายจากการเลือกตั้งของสหรัฐฯ ส่งผลให้แนวทางการลงทุน ควรจะเน้นเลือกหุ้นที่มีพื้นฐานดีมากกว่าประเด็นความถูกของการประเมินมูลค่าหุ้น แต่อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนผ่านดังกล่าว จะส่งผลดีต่อตลาดเกิดใหม่ (EM) ที่เศรษฐกิจยังคงเติบโตดีเมื่อเทียบกับตลาดพัฒนาแล้ว (DM) ส่วนค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าจะช่วยหนุนให้เม็ดเงินไหลเข้าตลาดในไทยมากขึ้น อีกทั้งในประเทศยังมีปัจจัยสนับสนุนจากการออกนโยบายเพิ่มการกระตุ้นเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นของรัฐบาลใหม่ ที่รัฐบาลสามารถผลักดันนโยบาย Digital Wallet ได้สำเร็จ ทำให้ช่วยกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ ที่จะยิ่งส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนให้เข้ามาลงทุนในหุ้นไทยมากขึ้น ประกอบกับด้านคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีโอกาสลดดอกเบี้ย 1.0% ในปี 2567 และ 2568 เพื่อสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจ และช่วยลดการแข็งค่าของเงินบาท ทาง InnovestX จึงมองว่า SET Index จะยังสามารถปรับตัวขึ้นได้ท่ามกลางความผันผวน โดยปรับตัวขึ้นและแตะระดับ 1,500 จุดภายในสิ้นปีนี้ และ 1,550 จุดในปี 2025 ซึ่งทางเลือกการลงทุน ควรเน้นโฟกัสบริษัทที่ผลประกอบการมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องและได้ประโยชน์จากการบริโภคภายในประเทศที่ฟื้นตัวด้วยแรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และได้ประโยชน์จากการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ได้แก่ BDMS CPALL GPSC HANA และ LHHOTEL
 
ทั้งนี้ แนะนำว่านักลงทุนอาจพิจารณาลดสัดส่วนการถือครองการลงทุนในหุ้นไทยที่ฟื้นตัวขึ้นมารับข่าวการเมืองในระยะสั้น เนื่องจากเศรษฐกิจไทยยังแบกรับความเสี่ยงของการชะลอตัวทางเศรษฐกิจในรูปแบบ Soft Landing อยู่ นอกจากนี้ยังคงต้องติดตามมาตรการของรัฐบาลใหม่ ว่าจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมอย่างไร รวมถึงผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่จะเป็นตัวกำหนดความเคลื่อนไหวของ SET Index ในระยะถัดไป

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 29 ก.ย. 2567 เวลา : 19:51:52
23-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 23, 2024, 2:21 am