เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
บล อินโนเวสท์วิเคราะห์ "Upside ยังจำกัด พักตัวอยู่"


 

ตลาดที่ขาดปัจจัยหนุนใหม่ และขาดแรงส่งจากหุ้นขนาดใหญ่ เนื่องจากเม็ดเงินย้ายมาเก็งกำไรในหุ้นขนาดกลาง และเล็กแทน ทำให้ในช่วงนี้ยังมองดัชนีมี upside จำกัด โดยมีแนวต้านอยู่ที่ 1460 และ 1470 จุด ตามลำดับ และดัชนีอยู่ในช่วงพักตัว โดยมีแนวรับอยู่ที่บริเวณ 1440 และ 1435 จุด ตามลำดับ

ประเด็นสำคัญ

• รมช. คลังเผยภายในสัปดาห์นี้จะหารือสศค. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการเดินหน้าสถานบันเทิงครบวงจรเพื่อสรุปรายละเอียดและนำเสนอ ครม. เพื่อพิจารณาต่อไป คาดว่าจะเสนอครม. ได้ช่วงปลายเดือนต.ค. นี้

• ปลัดคลังเผยแนวคิดเปิดให้ชาวต่างชาติเช่าที่ดินในไทย 99 ปี จะต้องศึกษารายละเอียดและมีการแก้ไขกฎหมายของกรมธนารักษ์ รวมถึงกฎหมายที่เกี่ยวข้องอื่นด้วย และเปิดรับฟังความเห็นจากผู้ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นไปตามขั้นตอนกระบวนการตามกฎหมาย

• สศค. เผยเศรษฐกิจไทยเดือนส.ค. ได้แรงหนุนจากท่องเที่ยวและส่งออกสินค้าที่ขยายตัวต่อเนื่อง ขณะที่การบริโภคสินค้าคงทนและการลงทุนภาคเอกชนยังไม่ฟื้นตัว ทั้งนี้ต้องติดตามเศรษฐกิจในประเทศอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะสถานการณ์น้ำท่วมและค่าบาทแข็ง 

• รมว.ท่องเที่ยวฯ เผยอยู่ระหว่างการรื้อแผนกระตุ้นท่องเที่ยวปี 2568 โดยเฉพาะช่วงนอกฤดูกาลที่จะฟื้นโครงการเราเที่ยวด้วยกันอีกครั้ง ขณะที่ที่นั่งสายการบินมีเยอะ ซึ่งจะช่วยได้ทั้งผู้ประกอบการและผู้บริโภค

• สถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางตึงเครียดต่อเนื่อง หลังอิสราเอลสังหารนายฮัสซัน นาสรัลเลาะห์ ผู้นำกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ จากการโจมตีทางอากาศในเลบานอนเมื่อวันศุกร์ ด้านอิหร่านเรียกร้องให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติจัดประชุมฉุกเฉิน

• ดัชนี PCE ส.ค. ปรับขึ้น 2.2%YoY ต่ำกว่าตลาดคาด ส่วน Core PCE ส.ค. ปรับขึ้น 2.7%YoY สอดคล้องตลาดคาด ทำให้ตลาดมีความหวังว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก

• เมื่อวันศุกร์สหรัฐฯ ได้ปรับขึ้นภาษีนำเข้า EV จีนขึ้น 4 เท่าเป็น 100% ส่วนสหภาพยุโรปและแคนนาดาได้ปรับขึ้นภาษีเป็น 36.3% และ 100%

กลยุทธ์การลงทุน

ช่วงสั้นมอง SET จะยังแกว่งตัว Sideway Up แต่อาจเผชิญแรงขายทำกำไรระยะสั้นเป็นระยะๆ จากปัจจัยภายนอกและจากราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่องในช่วงก่อนหน้า ทั้งนี้มองว่าตลาดหุ้นไทยจะได้รับแรงหนุนจากทิศทางดอกเบี้ยที่จะกลับเข้าสู่ขาลง (คลังและธปท. จะมีการพูดคุยกันในสัปดาห์นี้) และนโยบายผลักดันแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ รวมทั้งการแข็งค่าของเงินบาทคาดจะยังหนุนการไหลเข้าของ Fund Flow โดยประเมินว่าหาก SET จะปรับขึ้นได้แรง ต้องเกิดจากการปรับขึ้นของหุ้นกลุ่มธนาคาร อสังหาฯ อิเล็กทรอนิกส์ และท่องเที่ยว ขณะที่หุ้นกลุ่มที่ให้ผลตอบแทนดีก่อนหน้านี้คาดจะยังให้ผลตอบแทนดีต่อเนื่อง อย่างไรก็ดีดัชนี PMI ภาคการผลิตและบริการของจีนและสหรัฐคาดจะยังชะลอตัวลง  ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy”   

ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์

มอง SET จะยังแกว่งตัว Sideways Up แต่อาจเผชิญแรงขายทำกำไรระยะสั้นเป็นระยะๆ จากปัจจัยภายนอกและราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่องในช่วงก่อน กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ใน 3 ธีมที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้ 

1.  หุ้นที่คาดได้อานิสงส์จากกองทุนวายุภักษ์รอบใหม่ โดยเลือกหุ้น SET100 ที่มีคุณสมบัติ 1) จ่ายเงินปันผลดี ให้ Dividend Yield ขั้นต่ำปีละ 3.5% 2) มี ESG Ratings สูงตั้งแต่ระดับ A-AAA และ CG ระดับ 5 ดาว และ 3) มีฐานะการเงินแข็งแกร่ง และผลประกอบการมีแนวโน้มเติบโตได้ในปี 2025 เลือก KTB BBL BCP ADVANC HMPRO

2.  นักลงทุนที่ต้องการหุ้นเก็งกำไรซึ่งคาดได้อานิสงส์จากแนวโน้มดอกเบี้ยขาลง แนะนำ กลุ่มเช่าซื้อ (MTC) กลุ่มอสังหาฯ (AP) กลุ่มค้าปลีก (CPALL) กลุ่มโรงไฟฟ้า (GULF) กลุ่ม REITs (LHHOTEL DIF)

3.  นักลงทุนที่ต้องการหุ้นเก็งกำไรซึ่งได้อานิสงส์บวกจากสถานการณ์น้ำท่วม แนะนำ HMPRO GLOBAL CPALL BJC DCC และ TASCO ซึ่งจากสถิติปีที่เกิด La Nina หากลงทุนช่วงครึ่งหลัง ก.ย. และขายต้น พ.ย. คาดหวังจะได้ผลตอบแทนเฉลี่ยราว 5.0%

ขณะที่การแข็งค่าของเงินบาทอย่างรุนแรงใน 3Q67 มองจะส่งผลกระทบเชิงลบต่อหุ้นที่มีรายได้จากการส่งออก แนะนำหลีกเลี่ยงการลงทุนช่วงสั้น ได้แก่ TU GFPT และ CBG KCE ส่วนนักลงทุนที่ต้องการเก็งกำไรหุ้นที่คาดได้อานิสงส์จากค่าเงินบาทแข็งค่า แนะนำ AAV GULF GPSC และ BCP

DAILY TOP PICKS

CPALL: กำไร 2H67 คาดจะเติบโต YoY ดีที่สุดในกลุ่มพาณิชย์ โดย 3Q67 คาดกำไรจะเติบโต YoY และ QoQ แรงหนุนจากยอดขายและมาร์จิ้นที่ดีขึ้นจากธุรกิจ CVS และ CPAXT ส่วน 4Q67 จะเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปี 2567 จากเข้าสู่ High Season อีกทั้ง Valuation น่าสนใจ โดยซื้อขายที่ PER 67F ระดับ 25 เท่า (-2SD)

GULF: 2H67 คาดกำไรปกติจะเติบโตแกร่งจากกำลังผลิตใหม่ที่เข้ามาเพิ่ม อาทิ โรงไฟฟ้า IPP ใหม่ GDP หน่วยที่ 4 (662.5MW) และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์หลายโครงการที่อยู่ระหว่างพัฒนา อีกทั้งยังมองบวกต่อดีลควบรวมระหว่าง GULF และ INTUCH นอกจากนี้ยังได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยเข้าสู่ขาลง และ Valuation น่าสนใจ โดยซื้อขาย PER 24F ที่ 33 เท่า (-1.0 SD)
 
\
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 30 ก.ย. 2567 เวลา : 11:11:29
24-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 24, 2024, 7:12 pm