“ทรีนีตี้ ”มองตลาดหุ้นไตรมาสที่ 4 ทรงตัวสูงต่อ ให้กรอบแนวต้านระดับ 1480 และ 1520 จุด ส่วนแนวรับประเมินที่ 1400 และ 1370 จุด ชอบกลุ่มหุ้นอิงเศรษฐกิจในประเทศรับอานิสงส์นโยบายรัฐกระตุ้น!! แนะ 5 กลุ่มหุ้นน่าสนใจ ส่วนหุ้นเดือนตุลาคม สภาพคล่องไหลเข้าทุกทิศทางวายุภักษ์ 1 วงเงิน 1.5 แสนล้านช่วยพยุงดัชนี และ USD carry trade ที่ยังคงดำเนินต่อไป
นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด เปิดเผยถึงแนวโน้มการลงทุนไตรมาสที่ 4 ว่าจะสามารถแกว่งทรงตัวต่อเนื่องจากไตรมาสที่ 3 แม้ Upside จะเริ่มถูกจำกัดจาก Valuation ที่สูงขึ้น แต่คาดว่า Downside ก็จะถูกจำกัดจากสภาพคล่องที่เอ่อล้นจากหลายทิศทางด้วยกัน ประเมินกรอบแนวต้านของ SET Index ที่ระดับ 1480 และ 1520 จุด ส่วนแนวรับประเมินที่ 1400 และ 1370 จุดตามลำดับ
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนนั้น Stock selection จะยังคงเป็นกุญแจสำคัญสำหรับการลงทุนไตรมาสที่ 4 นี้ แนะนำหุ้นกลุ่ม Domestic cyclicals ที่อิงกับการเติบโตของเศรษฐกิจภายในประเทศ อาทิเช่น กลุ่มค้าปลีก อสังหาฯ ไฟแนนซ์ เนื่องจากคาดหวังปัจจัยกระตุ้นทางด้านนโยบายเศรษฐกิจที่รัฐบาลน่าจะทยอยออกมาอย่างต่อเนื่อง ไม่นับรวมกับการเข้าสู่ช่วงเทศกาล และ Upside surprise ที่อาจเกิดขึ้นหากมีการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำในช่วงถัดไป
ขณะที่กลุ่ม Global cyclicals ที่อิงกับเศรษฐกิจภายนอกนั้น แม้ Valuation ของหุ้นเหล่านี้ส่วนใหญ่จะยังอยู่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย แต่แนะนำให้หลีกเลี่ยงไปก่อน เนื่องจากไม่มั่นใจต่อแนวโน้มเศรษฐกิจโลกในช่วง 3-6 เดือนข้างหน้ามากนัก
นายณัฐชาต กล่าวว่าในส่วนหุ้นเด่นไตรมาส 4 ปี 2567 ได้แก่
1. กลุ่มหุ้นที่เตรียมเข้าสู่ High season ของการบริโภคและการท่องเที่ยว เลือก HMPRO, ERW
2. กลุ่มหุ้น Domestic ที่มีเงินปันผลสูง และยังคงมี Valuation ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย เลือก AP, ICHI
3. กลุ่มกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (IFF) และทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REITs) ที่ยังคงมีระดับ Dividend yield และ Dividend yield gap สูงกว่าค่าเฉลี่ย เลือก DIF, CPNREIT
4. กลุ่มหุ้นที่คาดว่าจะถูกนำเข้าสู่ดัชนี SET50 ในรอบถัดไป เลือก COM7, SAWAD
และ 5. กลุ่มหุ้นที่จะได้อานิสงส์ หากมีการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำในช่วงถัดไป เลือก AEONTS, KTC
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนเดือนตุลาคม 2567 นั้น คาดตลาดหุ้นไทยจะยังคงทรงตัวได้ แม้ Valuation จะทรงตัวในระดับสูงแล้วก็ตาม เนื่องจาก ณ ขณะนี้ โมเมนตัมของ Sentiment, Flows และ Liquidity ยังคงอยู่ในเกณฑ์ดี และในเดือนนี้จะมีสภาพคล่องจากกองทุนวายุภักษ์มูลค่ากว่า 1.5 แสนล้านบาทที่จะเป็นตัวช่วยพยุงภาพของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ
นายณัฐชาต กล่าวว่า ปัจจัยที่น่าติดตามในเดือนนี้ ได้แก่ 1. การทยอย Preview ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนประจำไตรมาส 3/67 ซึ่งถ้าหากออกมามีสัญญาณอ่อนแอ อาจเห็นการขายทำกำไรเกิดขึ้นชั่วคราว และ 2. การประชุมกนง. ในวันที่ 16 ต.ค. ซึ่งถ้าหากกนง.มีการส่งสัญญาณ Dovish มากขึ้น อาจทำให้เงินบาทเริ่มหยุดแข็งค่า จนนำมาสู่การขายล็อคกำไรชั่วคราวของนักลงทุนต่างชาติด้วยเช่นกัน สำหรับกลุ่มหุ้นแนะนำ เน้น Domestic play และกลุ่ม IFF/REIT/Utilities ที่ได้ประโยชน์จาก Bond yield ขาลงต่อไป
เดือนตุลาคมตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะเข้าสู่ภาวะผันผวนมากขึ้นในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนหน้าการเลือกตั้ง และคะแนนนิยมของผู้ท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอย่างนาง Kamala Harris ดูเหมือนจะขยับสูงขึ้นเรื่อยๆ จนอาจทำให้ความกังวลต่อประเด็นสงครามการค้าลดลงชั่วขณะ และความกังวลต่อการปรับเปลี่ยนอัตราภาษีในสหรัฐฯ ที่อาจกลับมาสูงขึ้นอีกครั้ง
ปัจจัยเหล่านี้มีผลทำให้ตลาดหุ้นเกิดใหม่มีโอกาสปรับตัว Outperformตลาดหุ้นพัฒนาต่อหลังจากที่ในเดือนกันยายน ได้ปรับตัว Outperform ขึ้นมาแล้วจาก 2 ปัจจัยสำคัญ ได้แก่ การออกมาตรการอัดฉีดสภาพคล่องขนานใหญ่ของธนาคารกลางจีน และ ปรากฏการณ์ USD carry trade ที่ยังคงเกิดขึ้นต่อเนื่อง ภายหลังจากที่ Fed มีการลดดอกเบี้ยนโยบายในระดับ 0.50%
ข่าวเด่น