เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
บล อินโนเวสท์วิเคราะห์ "ยังมีปัจจัยกดดัน แต่ลุ้นฟื้นจากแนวรับ"


 

แม้ SET ยังได้รับปัจจัยกดดันจากสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง และเงินบาทที่กลับมาอ่อนค่า เป็นลบต่อทิศทาง fund flow กดดันดัชนี อย่างไรก็ตามให้ติดตามแนวรับที่ 1430-1435 จุด ซึ่งมองเป็นจุดลุ้นฟื้นตัว และยังมีเม็ดเงินจากกองทุนวายุภักษ์ช่วยประคอง รวมถึงแรงหนุนกลุ่มพลังงานตามราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นแรง ด้านแนวต้านอยู่ที่ 1450-1460 จุด

ประเด็นสำคัญ

• ผู้ถือหุ้น GULF กว่า 99% อนุมัติควบรวม INTUCH  พร้อมเสนอเข้าซื้อหลักทรัพย์ "ADVANC-THCOM" มูลค่ากว่า 8.9 หมื่น ลบ. คาดกระบวนการเสร็จพร้อมมีชื่อบริษัทใหม่ภายใน เม.ย. 2568  เน้นลุยธุรกิจพลังงานหมุนเวียน-ดิจิทัล-ดาต้า-คลาวด์ 

• รมช.คลัง เผยปลายปีนี้จะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาต่อเนื่อง แต่อาจเป็นรูปมาตรการภาษีและกระตุ้นการใช้จ่าย มอง GDP ไทยปีนี้จะเติบโต 2.7% รวมผลจากนโยบายแจกเงินหมื่นแก่กลุ่มเปราะบางแล้ว

• ความตึงเครียดในตะวันออกกลางยังคงหนุนราคาน้ำมัน หลังตลาดกังวลจะกระทบต่ออุปทานน้ำมันโลก ล่าสุดมีรายงานว่าปธน. สหรัฐฯ กำลังหารือกับอิสราเอลเกี่ยวกับการโจมตีคลังน้ำมันของอิหร่าน

• สหรัฐฯ เผยดัชนีภาคบริการ ก.ย. ปรับขึ้นสู่ 54.9 สูงสุดนับตั้งแต่ ก.พ. 66 ชี้เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงแข็งแกร่ง ส่วนจำนวนผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้นสู่ 225,000 รายในสัปดาห์ก่อน สูงกว่าคาด

• ผู้ว่าฯ BoE ส่งสัญญาณอาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเชิงรุก หากเงินเฟ้อยังคงปรับตัวลงต่อไป ส่งผลให้ตลาดการเงินคาดว่า BoE จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% อีก 2 ครั้งภายในสิ้นปีนี้

• ประธานเฟดสาขา Richmond มองเฟดอาจใช้เวลานานกว่าที่คาดในการนำเงินเฟ้อกลับสู่กรอบ 2% และอาจเป็นอุปสรรคในการลดดอกเบี้ย ส่วนการประชุมครั้งถัดไปในวันที่ 6-7 พ.ย. เขาจะสนับสนุนการลดดอกเบี้ย 25bps หากอัตราว่างงานและเงินเฟ้อยังมีเสถียรภาพ

• รมว.คลัง เผยหลังหารือกับผู้ว่า ธปท. ว่าเงินเฟ้อ 4Q24 คาดจะอยู่ที่ราว 1% ส่งผลให้ทั้งปีนี้อาจหลุดกรอบเป้าหมาย 1-3% และจะมีการนัดหารืออีกครั้งเพื่อหาแนวทางทำให้เงินเฟ้อกลับสู่กรอบเป้าหมาย

กลยุทธ์การลงทุน

ช่วงสั้นมอง SET จะยังแกว่งตัว Sideway Up แต่อาจเผชิญแรงขายทำกำไรระยะสั้นเป็นระยะๆ จากปัจจัยภายนอกและจากราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่องในช่วงก่อนหน้า ทั้งนี้มองว่าตลาดหุ้นไทยจะได้รับแรงหนุนจากทิศทางดอกเบี้ยที่จะกลับเข้าสู่ขาลง (คลังและธปท. จะมีการพูดคุยกันในสัปดาห์นี้) และนโยบายผลักดันแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ รวมทั้งการแข็งค่าของเงินบาทคาดจะยังหนุนการไหลเข้าของ Fund Flow โดยประเมินว่าหาก SET จะปรับขึ้นได้แรง ต้องเกิดจากการปรับขึ้นของหุ้นกลุ่มธนาคาร อสังหาฯ อิเล็กทรอนิกส์ และท่องเที่ยว ขณะที่หุ้นกลุ่มที่ให้ผลตอบแทนดีก่อนหน้านี้คาดจะยังให้ผลตอบแทนดีต่อเนื่อง อย่างไรก็ดีดัชนี PMI ภาคการผลิตและบริการของจีนและสหรัฐคาดจะยังชะลอตัวลง  ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy”   

ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์

มอง SET จะยังแกว่งตัว sideway up แต่อาจเผชิญแรงขายทำกำไรระยะสั้นเป็นระยะๆ จากปัจจัยภายนอกและจากราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่องในช่วงก่อนหน้า กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ใน 3 ธีมที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้ 

1. หุ้นที่คาดได้อานิสงส์จากกองทุนวายุภักษ์รอบใหม่ โดยเลือกหุ้น SET100 ที่มีคุณสมบัติ 1) จ่ายเงินปันผลดี โดยให้ Dividend Yield ขั้นต่ำปีละ 3.5% 2) มี ESG Ratings สูงตั้งแต่ระดับ A-AAA และ CG ระดับ 5 ดาว และ 3) มีฐานะการเงินแข็งแกร่ง และผลประกอบการมีแนวโน้มเติบโตได้ในปี 2025 เลือก KTB BBL BCP ADVANC HMPRO

2. นักลงทุนที่ต้องการหุ้นเก็งกำไรซึ่งคาดได้อานิสงส์จากแนวโน้มดอกเบี้ยขาลง แนะนำ กลุ่มเช่าซื้อ (MTC TIDLOR) กลุ่มอสังหาฯ (AP SIRI) กลุ่มค้าปลีก (CPALL) กลุ่มโรงไฟฟ้า (GULF) กลุ่ม REITs (LHHOTEL DIF)

3. นักลงทุนที่ต้องการหุ้นเก็งกำไรซึ่งได้อานิสงส์บวกจากสถานการณ์น้ำท่วม แนะนำ HMPRO GLOBAL CPALL BJC DCC และ TASCO ซึ่งจากสถิติปีที่เกิด La Nina หากลงทุนช่วงครึ่งหลัง ก.ย. และขายต้น พ.ย. คาดหวังจะได้ผลตอบแทนเฉลี่ยราว 5.0%

ขณะที่การแข็งค่าของเงินบาทอย่างรุนแรงใน 3Q67 มองจะส่งผลกระทบเชิงลบต่อหุ้นที่มีรายได้จากการส่งออก แนะนำหลีกเลี่ยงการลงทุนช่วงสั้น ได้แก่ TU GFPT CBG KCE ส่วนนักลงทุนที่ต้องการเก็งกำไรหุ้นที่คาดได้อานิสงส์จากค่าเงินบาทแข็งค่า แนะนำ AAV GULF GPSC BCP

DAILY TOP PICKS

PTTEP: มองราคาน้ำมันที่แข็งแกร่งในระยะสั้นจะเป็นปัจจัยกระตุ้นราคาหุ้น อีกทั้งราคาหุ้นยังคงปรับขึ้นช้ากว่าราคาน้ำมัน และเป็นหุ้นที่เป็นสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงจากกรณีกังวลความไม่สงบในตะวันออกกลาง ขณะที่ผลการดำเนินงานและงบดุลของบริษัทยังแข็งแกร่ง โดยปี 2567 คาดมีกำไรปกติ 8.27 หมื่นลบ. เติบโต 5%YoY ทั้งนี้แนะนำราคาเข้าซื้อวันนี้ไม่เกิน 135 บาท

CPALL: กำไร 2H67 คาดจะเติบโต YoY ดีที่สุดในกลุ่มพาณิชย์ โดย 3Q67 คาดกำไรจะเติบโต YoY และ QoQ แรงหนุนจากยอดขายและมาร์จิ้นที่ดีขึ้นจากธุรกิจ CVS และ CPAXT ส่วน 4Q67 จะเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปี 2567 จากเข้าสู่ High Season อีกทั้ง valuation น่าสนใจ โดยซื้อขายที่ PER 67F ระดับ 25 เท่า (-2SD)
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 04 ต.ค. 2567 เวลา : 11:42:16
24-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 24, 2024, 7:28 pm