จากกรณีรถบัสทัศนศึกษานักเรียนและครูจำนวน 45 ราย ของโรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม จ.อุทัยธานี ที่เกิดอุบัติเหตุไฟไหม้อย่างรุนแรงเสียหายทั้งคันบริเวณถนนวิภาวดีรังสิตขาเข้า ใกล้เคียงศูนย์การค้าเซียร์รังสิต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี จนส่งผลให้เกิดการสูญเสียชีวิตทั้งครูและนักเรียนจำนวน 23 ราย เมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2567 ที่ผ่านมานั้น
ในช่วงวินาทีของการเกิดเหตุ ตัวของรถบัสได้เฉี่ยวชนกับรถยนต์นั่งส่วนบุคคล ทำให้รถบัสเกิดการเสียหลักชนกับแบริเออร์ที่อยู่เกาะกลางถนน ก่อนที่รถคันดังกล่าว จะเกิดเพลิงลุกไหม้อย่างรวดเร็ว กลายเป็นโศกนาฏกรรมที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น ซึ่งล่าสุดนี้ ทางกรมการขนส่งทางบกและสำนักงานกองพิสูจน์หลักฐานตำรวจ กำลังอยู่ระหว่างการร่วมกันวิเคราะห์และสรุปหาสาเหตุที่แท้จริง โดยเบื้องต้น นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก นำเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าไปชี้แจงกับกรรมาธิการคมนาคม ของสภาผู้แทนราษฎร ถึงความคืบหน้าล่าสุดจากตรวจสอบ พบว่า ตัวรถบัสคันที่เกิดเหตุ มีการติดตั้งถังก๊าซเชื้อเพลิงถึง NGV ถึง 11 ถัง แต่มีการจดทะเบียนขอติดตั้งอย่างถูกต้อง (ที่ได้รับรองจากกรมการขนส่งทางบก) เพียง 6 ถัง ส่วนอีก 5 ถัง เป็นถังนอกระบบหรือถังเถื่อน ที่มีการติดตั้งเองโดยไม่ขออนุญาต และไม่ได้อยู่ในรายการของการตรวจสอบโดยวิศวกร ซึ่งในกลุ่มถังก๊าซเถื่อนหมายเลข 8 ที่วางอยู่บริเวณใกล้กับล้อขวาด้านหน้ารถ มีการรั่วไหลของก๊าซ ที่เกิดจากท่อก๊าซหลุด ทำให้เกิดการลุกไหม้ที่ลุกลามอย่างรวดเร็ว สอดคล้องกับทาง พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานกลาง ได้รายงานความคืบหน้าของการตรวจพิสูจน์หาสาเหตุไฟไหม้ว่า พบการรั่วไหลของก๊าซ NGV จากถังที่ติดตั้งอยู่บริเวณส่วนหน้าของรถดังกล่าว แต่ก็ยังคงต้องพิสูจน์ต่อว่า สาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้เกิดประกายไฟคืออะไรกันแน่ และในกรณีของความเสื่อมสภาพของระบบท่อต่อก๊าซของตัวถัง ยังคงต้องรอการตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน
นอกจากนี้ ยังมีประเด็นที่ได้รับความชัดเจนขึ้นมา จากทางนายชีพ น้อมเศียร ผู้อำนวยการสำนักวิศวกรรมยานยนต์ กรมการขนส่งทางบก ที่ได้ตรวจสอบสภาพรถ พบว่า ยางล้อรถด้านหน้าทั้งฝั่งซ้ายและขวายืนยันแล้วว่าไม่พบร่องรอยของการระเบิดตามที่เป็นข่าวก่อนหน้านี้ ส่วนประตูฉุกเฉิน คันโยกที่ใช้เปิดปิดประตูนั้นสามารถใช้งานได้ตามปกติ ส่วนสาเหตุของเพลิงไหม้ต้องรอการพิสูจน์หลักฐานต่อไป ซึ่งในขณะนี้ทางกรมการขนส่งทางบก ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงกับผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด ได้แก่ 1.บริษัทชินบุตรทัวร์ ที่ให้บริการรถบัสดังกล่าว 2.คนขับรถ 3.วิศวกรผู้ตรวจสอบถังก๊าซ โดยมีการระงับใบอนุญาตชั่วคราว จนกว่าจะตรวจสอบแล้วเสร็จถึงผู้ที่กระทำผิด โดยมีกรอบระยะเวลาตรวจสอบที่ 2 สัปดาห์
อย่างไรก็ตาม ช่วงวันที่ 2 ต.ค. 2567 พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. รักษาราชการแทน ผบ.ตร. แถลงว่า ได้จับกุมคนขับรถบัส และได้รับสารภาพถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานั้นว่า ได้ยินเสียงกระบอกลมลูกสูบของรถดัง แต่ไม่ได้จอดดู และขับรถต่อจนรถเสียหลักจนเกิดการลุกไหม้ เป็นความผิดฐานประมาทเลินเล่อ ที่ทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ
ในส่วนของการเยียวยาผู้เสียหายและผู้เสียชีวิต ตามการลงพื้นที่ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) พบว่า รถบัสคันดังกล่าวทำประกันภัยรถภาคบังคับ (พ.ร.บ.) กับบริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) โดยกรมธรรม์ยังอยู่ในระยะเวลาการคุ้มครองถึงวันที่ 30 มิ.ย. 2568 ที่
1.คุ้มครองกรณีเสียชีวิต หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง 500,000 บาทต่อคน
2.กรณีบาดเจ็บค่ารักษาสูงสุดไม่เกิน 80,000 บาทต่อคน
3.กรณีสูญเสียอวัยวะ 200,000-500,000 บาทต่อคน
4.กรณีทุพพลภาพอย่างถาวร 300,000 บาทต่อคน
5.กรณีเข้ารักษาในสถานพยาบาลในฐานะคนไข้ในจะได้รับค่าชดเชยรายวัน 200 บาทต่อวัน (รวมกันไม่เกิน 20 วัน)
ส่วนทางโรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม ได้ทำประกันภัยอุบัติเหตุกลุ่มสำหรับสถานศึกษา (พีเอ) กับทางบริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) เช่นกัน ที่เริ่มคุ้มครองวันที่ 15 พ.ค. 2567 สิ้นสุดวันที่ 15 พ.ค. 2568 โดยให้ความคุ้มครองสูงสุดกรณีเสียชีวิต 80,000 บาทต่อคน กรณีบาดเจ็บมีค่ารักษาพยาบาล 8,000 บาทต่อคนต่อครั้ง และยังมีทุนความรับผิดของสถานศึกษา 80,000 บาทต่อคน รวมเป็น 160,000 บาทต่อคน ส่งผลให้ผู้เสียชีวิตจากเหตุครั้งนี้ จะได้รับค่าสินไหมทดแทนเบื้องต้น 660,000 บาท
ทั้งนี้ สำนักงาน คปภ. อยู่ระหว่างบูรณาการร่วมกับสมาคมประกันชีวิตไทยและสมาคมประกันวินาศภัยไทย เพื่อตรวจสอบว่าผู้ประสบภัยหรือผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ครั้งนี้มีการทำประกันภัยเพิ่มเติมนอกเหนือจากนี้อีกหรือไม่ หากตรวจสอบพบว่ามีการทำประกันภัยก็จะได้รับสิทธิตามสัญญาประกันภัยที่ระบุไว้ทุกประการ
ด้านวิริยะประกันภัย รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างยิ่ง และขอแสดงความเสียใจมายังครอบครัวผู้สูญเสีย และขอส่งความห่วงใยต่อผู้ได้รับบาดเจ็บ โดยได้เร่งดำเนินการเพื่อการจ่ายเงินค่าสินไหมทดแทนในทันที ด้วยการส่งเจ้าหน้าที่ไปประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมที่จะจ่ายสินไหมทดแทนแก่ทายาทตามกฎหมายของผู้เสียชีวิตและผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ ตามสิทธิประโยชน์ที่ระบุไว้ในเงื่อนไขความคุ้มครองของกรมธรรม์ รวมถึงการจัดส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปดูแลและให้กำลังใจครอบครัวผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ พร้อมทั้งประสานงานกับโรงพยาบาลเพื่ออำนวยความสะดวกในเรื่องต่าง ๆ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ข่าวเด่น