คาด SET เคลื่อนไหวในกรอบ เนื่องจากดัชนียังขาดปัจจัยใหม่ โดยช่วงแรกคาดได้ sentiment บวกจากตลาดหุ้นสหรัฐหนุนขึ้นกรอบบนบริเวณแนวต้าน 1460 จุด แต่คาดยังถูกจำกัด จากตลาดยังขาดแรงส่งให้ขึ้นต่อเนื่อง ส่วนกรอบล่างอยู่ที่แนวรับ 1440 จุด คาดยังรองรับได้ มองแรงขายต่างชาติชะลอลง ตามเงินบาทที่ชะลอการอ่อนค่า
ประเด็นสำคัญ
• คลังเตรียมหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้และต่อเนื่องถึงปีหน้า โดยนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้หน่วยงานด้านเศรษฐกิจเร่งพิจารณารายละเอียดให้ชัดเจนก่อนนำเสนอให้คณะกรรมการพิจารณา
• บจ. โตโยต้ามอเตอร์ (ประเทศไทย) เผยตลาดรวมรถยนต์ 8M67 อยู่ที่ราว 4 แสนคัน คาดทั้งปียอดขายรวม 6 แสนคัน ยังอาจเป็นไปได้ค่อนข้างยาก นับเป็นยอดขายรถยนต์ที่ต่ำสุดในรอบกว่า 10 ปี ผลจากการปฏิเสธสินเชื่อของสถาบันการเงินและเศรษฐกิจที่ชะลอตัว
• เวิลด์แบงก์ชี้ GDP ไทยปีนี้จะเติบโต 2.4% หวังช่วงสิ้นปีได้รับการหนุนจากการใช้งบ ส่งออก และการท่องเที่ยว คาดปีหน้าแตะ 3% ด้าน EEC เปิดงาน Mini EEC Fair 2024 โชว์ศักยภาพพื้นที่ไทยดึงการลงทุน
• Reuters เผยสายการบินทั่วโลก เช่น Air France-KLM, Air India, Cathay Pacific และอื่นๆ ประกาศขยายระงับเที่ยวบินที่ผ่านน่านฟ้าบริเวณตะวันออกลาง หลังความตึงเครียดในตะวันออกกลางพุ่งสูง
• ธปท. เลื่อนการพิจารณาเลือกประธานบอร์ดธปท. เพื่อตรวจสอบคุณสมบัติและความถูกต้องหลังมีผู้กังวลอาจถูกการเมืองแทรกแซง คาดจะมีการประชุมอีกครั้งในเดือน พ.ย.
• ครม. มีมติเพิ่มวงเงินเยียวยาอุทกภัยทุกกรณีเป็น 9 พันบาท/ครัวเรือน ภายใต้วงเงินเดิมที่ 3,045 ลบ. ขณะที่กทม. แจ้งเตือน 16 ชุมชนนอกคันกั้นน้ำริมเจ้าพระยายกของขึ้นที่สูงในวันที่ 13-23 ต.ค. 67 เนื่องจากน้ำทะเลหนุนและการเร่งระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยา
• ตลท. เปิดตัว DR อ้างอิงหุ้นยุโรปใหม่ 5 หุ้น FERRARI80, HERMES80, LOREAL80, NOVOB80 และ SANOFI80 เริ่มซื้อขายในวันที่ 9 ต.ค. นี้
กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET จะแกว่งตัว Sideway โดยมี Upside จำกัดเนื่องจากในประเทศขาดปัจจัยหนุนใหม่เพิ่มเติม โดยอยู่ระหว่างรอความชัดเจนเรื่องทิศทางดอกเบี้ยของ ธปท. และนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ซึ่งอาจถูกหักล้างด้วยความผันผวนของค่าเงินบาทในระยะสั้น อีกทั้งตลาดหุ้นทั่วโลกยังอยู่ในภาวะ Risk-off หลังกังวลความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลาง จึงทำให้ Fund Flow ยังมีแนวโน้มไหลออกจากตลาดหุ้นไทย ขณะที่ปัจจัยภายนอกมองว่าเงินเฟ้อสหรัฐจะไม่ส่งผลต่อตลาดการเงินมากนัก โดยคาดทิศทางดอกเบี้ยของเฟดในช่วงที่เหลือของปีนี้จะยังไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy”
ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์
มอง SET มี Upside จำกัดหลังขาดปัจจัยใหม่และมีความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์ กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ใน 4 ธีมที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้
1. ธีม Earnings Play สำหรับนักลงทุนระยะกลางที่ต้องการหุ้นพื้นฐานดีที่กำไร 3Q67 คาดมีโมเมนตัมเติบโต YoY และ QoQ เลือก BEM BCH BDMS GULF TRUE
2. หุ้นที่คาดได้อานิสงส์จากกองทุนวายุภักษ์รอบใหม่ โดยเลือกหุ้น SET100 ที่มีคุณสมบัติ 1) จ่ายเงินปันผลดี โดยให้ Dividend Yield ขั้นต่ำปีละ 3.5% 2) มี ESG Rating สูงตั้งแต่ระดับ A-AAA และ CG ระดับ 5 ดาว และ 3) มีฐานะการเงินแข็งแกร่ง และผลประกอบการมีแนวโน้มเติบโตได้ในปี 2025 เลือก KTB BBL BCP ADVANC HMPRO
3. นักลงทุนที่ต้องการหุ้นเก็งกำไรซึ่งคาดได้อานิสงส์จากแนวโน้มดอกเบี้ยขาลง แนะนำ กลุ่มเช่าซื้อ (MTC TIDLOR) กลุ่มอสังหาฯ (AP SIRI) กลุ่มค้าปลีก (CPALL) กลุ่มโรงไฟฟ้า (GULF) กลุ่ม REITs (LHHOTEL DIF)
4. ราคาน้ำมันดิบ Brent ฟื้นตัว จากความกังวลสถานการณ์ในตะวันออกกลางจะลุกลามเป็นวงกว้าง โดยประเมินกรอบราคา 75-85 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งมองยังสามารถมีหุ้นน้ำมันสำหรับป้องกันความเสี่ยง (Hedging) ได้ ดังนั้นนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง จึงยังคงเลือกหุ้นน้ำมันขั้นต้นอย่าง PTTEP
DAILY TOP PICKS
CPALL: 3Q67 คาดกำไรปกติจะเติบโต 39%YoY ดีสุดในกลุ่มพาณิชย์ หนุนจากยอดขายและมาร์จิ้นที่ดีขึ้นจากธุรกิจ CVS และ CPAXT ส่วน 4Q67 จะเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดในปี 2567 จากเข้าสู่ High Season ขณะที่มาตรการกระตุ้นศก. ของรัฐบาลและแนวโน้มการลดดอกเบี้ยจะเพิ่ม Upside อีกทั้ง Valuation น่าสนใจ ซื้อขายที่ PER 2567F ที่ 25 เท่า (-2SD)
DELTA: 2H67 คาดกำไรจะเพิ่มขึ้น HoH และ YoY จากยอดขายกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับ AI ที่ยังเติบโตดี อีกทั้งยังมี Upside จากการพัฒนาและการขายผลิตภัณฑ์ Power Supply ที่เกี่ยวข้องกับ AI ที่พัฒนาโดย DELTA Thailand ซึ่งจะทำให้บริษัทไม่ต้องจ่ายค่า Technical Fee ให้กับทาง DELTA Taiwan ทั้งนี้แนะนำราคาเข้าซื้อวันนี้ไม่เกิน 108.50 บาท
ข่าวเด่น