SET เคลื่อนไหวบริเวณ 1470 จุด แม้มีการชะลอตัวบ้าง แต่มีแนวรับ 1460 และ 1450 จุด เป็นจุดรองรับ แต่คาดว่าภาพรวมยังปรับขึ้นได้ต่อ โดยมีแนวต้านถัดไปที่ 1480 และ 1488 จุด ตามลำดับ ขณะที่ปัจจัยหนุน มองเม็ดเงินจากกองทุนวายุภักษ์ช่วยประคองตลาด และเงินบาทที่ชะลออ่อนค่า ทำให้คาดแรงขายจากต่างชาติชะลอลง ประเด็นสำคัญ ติดตามประชุมกนง. พรุ่งนี้
ประเด็นสำคัญ
• โอเปกประกาศปรับลดตัวเลขคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันเป็นครั้งที่สามในปีนี้ โดยคาดการณ์ปีนี้ลดลงจากเดิมขยายตัววันละ 2.0 เป็น 1.9 ล้านบาร์เรล และปีหน้าลดลงจากเดิมขยายตัววันละ 1.7 เป็น 1.6 ล้านบาร์เรล
• เมื่อวันที่ 12 ต.ค. จีนประกาศจะเพิ่มการก่อหนี้ขึ้นอย่างมากเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจที่กำลังชะลอตัว แต่ไม่มีการเปิดเผยขนาดรวมของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจดังกล่าว ซึ่งเป็นรายละเอียดสำคัญสำหรับการประเมินความยั่งยืนของการฟื้นตัวของตลาดหุ้น
• เกาหลีใต้เผยการส่งออกผลิตภัณฑ์ ICT ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 11 ติดต่อกัน โดยมูลค่าการส่งออก ก.ย. +24%YoY ส่วนการส่งออกเซมิคอนดักเตอร์ +36.3%YoY หนุนจากอุปสงค์ชิปสำหรับ AI ที่แข็งแกร่ง
• จีนเผยยอดขายรถยนต์นั่งส่วนบุคคลก.ย. อยู่ที่ 2.13 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 4.3%YoY ซึ่งยุติการลดลงที่ดำเนินมาต่อเนื่อง 5 เดือน แรงหนุนจากเงินอุดหนุนของรัฐบาลเพื่อกระตุ้นการแลกรถเก่าเป็นรถใหม่ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างกว้างขวาง
• กนอ. เผยไทยต้องเร่งพัฒนาพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมให้ทันต่อความต้องการเข้ามาลงทุนในไทย โดยเฉพาะ FDI ที่คาดจะเพิ่มขึ้นถึง 2-3 แสนไร่ในอนาคต โดยตั้งเป้าเพิ่ม FDI ให้ได้ 27% จากปัจจุบัน 24% ของ GDP คิดเป็นมูลค่า 3.5 แสนลบ. ต่อปีในระยะข้างหน้า
• สมาคมโรงแรมไทยเผยผลสำรวจความเชื่อมั่นผู้ประกอบการที่พักแรมเดือนก.ย. พบอัตราการเข้าพักลดลงจากส.ค. ตามนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ลดลง แต่โดยรวมดีขึ้นตามจำนวนนักท่องเพิ่มขึ้น
• รมช.คลัง เตรียมเสนอกระตุ้นเศรษฐกิจปลายต.ค. นี้ เล็งกลุ่มเป้าหมายคนชั้นกลางในระบบภาษี แย้มมีมาตรการภาษีกระตุ้นจับจ่าย-อสังหาฯ
กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET แกว่งตัว Sideway และยังมี Upside จำกัด เนื่องจากอยู่ระหว่างรอความชัดเจนเรื่องทิศทางดอกเบี้ยของธปท. (วันที่ 16 ต.ค. กนง. จะมีการประชุมซึ่งเราคาดจะมีการปรับลดดอกเบี้ย 25bps) อีกทั้งยังรอนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมของภาครัฐ ขณะที่ปัจจัยภายนอกจะมีประเด็นเฉพาะตัว อาทิ การเข้าสู่ฤดูกาลประกาศงบ 3Q67 ของ บจ. ในสหรัฐฯ และยุโรป ส่วนตลาดหุ้นจีนมองเริ่มมีความผันผวนลดน้อยลง ทั้งนี้การประชุมนโยบายการเงินของ ECB (วันที่ 17 ต.ค.) คาดจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 25bps และทิศทางดอกเบี้ยยังไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy”
ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์
มอง SET แกว่งตัว Sideway และมี Upside จำกัด ระหว่างรอความชัดเจนทิศทางดอกเบี้ยของไทย} เข้าสู่ช่วงประกาศงบกลุ่มธพ. และยังจับตาความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ใน 4 ธีมที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้
1. Earning Play หุ้นปัจจัยพื้นฐานดีที่กำไร 3Q67 คาดเติบโต YoY และ QoQ เลือก BEM BCH BDMS GULF TRUE AU TNP และระมัดระวังกลุ่มที่มีความเสี่ยงงบแย่กว่าตลาดคาด อาทิ กลุ่มพลังงานและปิโตรฯ, กลุ่มบรรจุภัณฑ์, และ กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์
2. ผู้ที่รับความเสี่ยงได้ หากเชื่อกนง. จะลดดอกเบี้ย เก็งกำไร LHHOTEL DIF CPALL AP SIRI ส่วนกลุ่มเช่าซื้อ (MTC TIDLOR) มองราคาปรับขึ้นสะท้อนความคาดหวังแล้ว แต่หากเชื่อไม่ลดดอกเบี้ย เก็งกำไรหุ้นที่มีหนี้/ต้นทุนรูปดอลลาร์สูง AAV GPSC BCP
3. หุ้นที่จ่ายปันผลสูงละคาดได้อานิสงส์จากการเป็นเป้าหมายสะสมของกองทุนวายุภักษ์และกองทุนที่ได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีช่วงปลายปี แนะนำหุ้นที่ผลประกอบการมีแนวโน้มเติบโตได้ในปี 2025 เลือก KTB BBL ADVANC HMPRO
4. ราคาน้ำมันดิบ Brent ฟื้นตัวจากความกังวลสถานการณ์ในตะวันออกกลาง โดยประเมินกรอบราคา 75-85 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล มองยังสามารถมีหุ้นน้ำมันสำหรับป้องกันความเสี่ยง (Hedging) ได้ สำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงได้สูง เลือก PTTEP
DAILY TOP PICKS
BBL: เป็นหุ้นเด่นกลุ่มธนาคาร เนื่องจาก valuation ในแง่ PBV/ROE น่าสนใจที่สุด และความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ต่ำกว่าธนาคารอื่นๆ ขณะที่ 3Q67 คาดกำไรปกติจะเติบโต 5%YoY และ 1%QoQ แรงหนุนจากการตั้งสำรอง (credit cost) ที่ลดลง รวมทั้งสินเชื่อและ non-NII (กำไรจากเครื่องมือทางการเงิน) ยังมีการเติบโต
DELTA: 2H67 คาดกำไรจะเพิ่มขึ้น HoH และ YoY จากยอดขายกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับ AI ที่ยังคงเติบโตดี อีกทั้งยังมี upside จากการพัฒนาและการขายผลิตภัณฑ์ power supply ที่เกี่ยวข้องกับ AI ที่พัฒนาโดย DELTA Thailand เอง ซึ่งจะทำให้บริษัทไม่ต้องจ่ายค่า technical fee ให้กับทาง DELTA Taiwan ทั้งนี้แนะนำราคาเข้าซื้อวันนี้ไม่เกิน 120 บาท
ข่าวเด่น