คาด SET เริ่มมี upside จำกัด ในระยะสั้น บริเวณแนวต้านจิตวิทยา 1500-1510 จุด และแรงขายของนักลงทุนต่างชาติที่ยังมีต่อเนื่องกดดันดัชนี รวมถึงอาจมี sentiment ลบ จากตัวเลข GDP จีน ใน Q3 ที่จะประกาศเช้านี้ออกมาชะลอตัว ด้านแนวรับอยู่ที่ 1485 และ 1475 จุด ตามลำดับ หากต่ำกว่า จะเป็นสัญญาณลบต่อภาพกาาพักฐาน
ประเด็นสำคัญ
• คลังเตรียมสนับสนุนภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยอยู่ระหว่างเสนอครม. พิจารณามาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเป็นเวลา 5 ปี ด้วยวงเงินกู้ไม่เกิน 3 ลบ. ภายใต้งบ 5 หมื่นลบ. สำหรับซื้อ-แต่ง-ซ่อม-สร้าง
• รมว. พลังงานเตรียมขยายมาตรการตรึงราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลไม่เกิน 33 บาทต่อลิตรไปจนถึงสิ้นปี 2567 จากที่จะสิ้นสุด 31 ต.ค. 67 พร้อมเผยการจัดทำแผนพลังงานแห่งชาติอยู่ระหว่างรับฟังความคิดเห็นและจะถูกนำเสนอต่อกพช. และ ครม. ภายในสิ้นปีนี้
• EIA เผยสัปดาห์ที่แล้วสต็อกน้ำมันดิบลดลง 2.2 ล้านบาร์เรล ผิดจากที่คาดจะเพิ่มขึ้น ส่วนสต็อกเบนซินลดลง 2.2 ล้านบาร์เรล มากกว่าคาด
• ECB มีมติปรับลดดอกเบี้ย 25bps ตามตลาดคาด และเป็นการปรับลดดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 3 ในปีนี้ อีกทั้งทำสถิติปรับลดดอกเบี้ยติดต่อกันเป็นครั้งแรกในรอบ 13 ปี สาเหตุจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอของยูโรโซน และอัตราเงินเฟ้อที่ชะลอตัว
• TSMC ซึ่งเป็นผู้ผลิตตามสัญญารายใหญ่ที่สุดของโลกเปิดเผยผลกำไร 3Q67 ขยายตัว 54%YoY สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ที่ 1.01 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงเกินคาด และคาดรายได้ในไตรมาส 4 จะพุ่งขึ้นอีก โดยได้แรงหนุนจากความต้องการชิปด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI)
• ยอดค้าปลีกสหรัฐฯ ก.ย. +0.4%MoM และ +1.74%YoY สูงกว่าคาด ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลงสู่ 241,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว กว่าตลาดคาดและเป็นการลดลงมากที่สุดในรอบ 3 เดือน
• กระทรวงเคหะฯ ของจีนประกาศขยาย Whitelist โครงการอสังหาฯ ที่และขยายวงเงินสินเชื่อเป็น 4 ล้านล้านหยวน เพื่อหนุนการส่งมอบที่อยู่อาศัยให้สำเร็จ
กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET ยังแกว่งตัว Sideway Up ได้ แต่ Upside เริ่มจำกัด หลังจากดัชนีหุ้นได้ปรับตัวขึ้นร้อนแรงในช่วงก่อนหน้านี้ อีกทั้งมองตลาดยังรอนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมของภาครัฐ ขณะที่ปัจจัยภายนอกยังมีประเด็นเฉพาะตัว อาทิ การเข้าสู่ฤดูกาลประกาศงบ 3Q67 ของ บจ. ในสหรัฐและยุโรป ส่วนตลาดหุ้นจีนมองเริ่มมีความผันผวนลดน้อยลง ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy”
ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์
มอง SET แกว่งตัว Sideway และมี Upside จำกัด หลังเข้าสู่ช่วงประกาศงบกลุ่มธพ. และยังจับตาความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ใน 4 ธีมที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้
1. Earning Play หุ้นปัจจัยพื้นฐานดีที่กำไร 3Q67 คาดเติบโต YoY และ QoQ เลือก BEM BCH BDMS GULF TRUE AU TNP และระมัดระวังกลุ่มที่มีความเสี่ยงงบแย่กว่าตลาดคาด อาทิ กลุ่มพลังงานและปีโตรฯ, กลุ่มบรรจุภัณฑ์, และ กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์
2. นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้และต้องการเก็งกำไรจากกนง. ลดดอกเบี้ยนโยบาย แนะนำ LHHOTEL DIF CPALL AP SIRI และธนาคาร (TISCO KKP) ที่มีสัดส่วนสินเชื่อเช่าซื้อสูง ส่วนกลุ่มเช่าซื้อ (MTC TIDLOR) มองราคาหุ้นปรับขึ้นสะท้อนความคาดหวังไปแล้ว
3. หุ้นที่จ่ายปันผลสูงและคาดได้อานิสงส์จากการเป็นเป้าหมายสะสมของกองทุนวายุภักษ์และกองทุนที่ได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีช่วงปลายปี แนะนำหุ้นที่ผลประกอบการมีแนวโน้มเติบโตได้ในปี 2025 เลือก KTB BBL ADVANC HMPRO
4. ราคาน้ำมันดิบ Brent ฟื้นตัวจากความกังวลสถานการณ์ในตะวันออกกลาง โดยประเมินกรอบราคา 75-85 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล มองยังสามารถมีหุ้นน้ำมันสำหรับป้องกันความเสี่ยง (Hedging) ได้ สำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงได้สูง เลือก PTTEP
DAILY TOP PICKS
BBL: 3Q67 มีกำไรสุทธิ 1.25 หมื่นลบ. เติบโต 6%QoQ และ 10%YoY สูงกว่าเราและตลาดคาด จากกำไรจากเครื่องมือการเงินและเงินลงทุน ขณะที่ 4Q67 แม้คาดกำไรลดลง QoQ แต่จะเพิ่มขึ้น YoY หนุนให้ปี 2567 คาดกำไรเติบโต 8%YoY และยังโตต่อ 5%YoY ในปี 2568 ส่วน Valuation มองยังไม่แพงในแง่ PBV เทียบกับ ROE และมีความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ต่ำกว่าธนาคารอื่นๆ
BDMS: มองเป็นหุ้นเด่นกลุ่มการแพทย์ โดย 3Q67 คาดกำไรปกติสร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ราว 4.3-4.4 พันลบ. เพิ่มขึ้นทั้ง YoY และ QoQ ขณะที่ทั้งปี 2567 คาดมีกําไรปกติเติบโต 13%YoY สู่ 1.6 หมื่น ลบ. และยังเติบโตต่ออีก 8%YoY ในปี 2568 อีกทั้ง valuation ยังอยู่ในระดับต่ำที่ PER 67F ระดับ 27 เท่า (-2SD)
ข่าวเด่น