คาด SET ได้รับปัจจัยกดดันให้ปรับตัวลงจาก 1) Bond Yield สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้น 2) เงินบาทอ่อนค่า เป็นลบต่อทิศทาง Fund Flow และ 3) ปัจจัยการเมือง จากความกังวลยุบพรรคเพื่อไทย และพรรคร่วม กระทบต่อเสถียรภาพรัฐบาล ด้านแนวรับถัดไปอยู่ที่ 1460 และ 1450 จุด ตามลำดับ ส่วนกรอบบนถูกจำกัดที่แนวต้าน 1480-1490 จุด
ประเด็นสำคัญ
• EIA เผยสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ รายสัปดาห์ปรับขึ้น 5.5 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 426 ล้านบาร์เรล สูงกว่าตลาดคาด ส่วนสต็อกเบนซินเพิ่มขึ้น 900,000 บาร์เรล สู่ระดับ 213.6 ล้านบาร์เรล สวนทางตลาดคาดลดลง
• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ระยะ 10 ปีแตะระดับ 4.255% สูงสุดในรอบ 3 เดือน หลังเจ้าหน้าที่เฟดหลายรายสนับสนุนให้ดำเนินนโยบายการเงินอย่างระมัดระวัง และลดดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป
• สหรัฐฯ เผยยอดขายบ้านมือสองเดือนก.ย. ลดลง 1.0% สู่ระดับ 3.84 ล้านหน่วย ต่ำสุดในรอบ 14 ปี เนื่องจากราคาบ้านยังอยู่ในระดับสูงและผู้ที่ตั้งใจจะซื้อบ้านชะลอซื้อออกไปก่อนด้วยความหวังว่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้อาจปรับตัวลง รวมทั้งไม่แน่ใจผลการเลือกตั้งปธน. สหรัฐฯ
• จีนประกาศเซี่ยงไฮ้ ปักกิ่ง กว่างโจว เทียนจิน และฉงชิ่ง เป็นห้าเมืองที่จะมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการบริโภคเป็นเวลา 1 เดือนในเดือนพ.ย. นี้ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของรัฐบาลที่จะกระตุ้นการใช้จ่ายของผู้บริโภค อาทิ การช็อปปิง อาหาร การท่องเที่ยว เป็นต้น
• IMF ลดคาดการณ์ GDP จีนในปีนี้ลงจากเดิม 5.0% เหลือ 4.8% และปี 2568 ที่ 4.5% พร้อมเตือนตลาดอสังหาฯ อาจเลวร้ายลงกว่าที่คาด ขณะที่มองเศรษฐกิจไทยจะขยายตัว 2.7% และ 3.0% ในปีนี้และปีหน้า
• สถาบันวางแผนด้านนโยบายของจีนเรียกร้องรัฐบาลออกพันธบัตรพิเศษ 2 ล้านล้านหยวนเพื่อจัดตั้งกองทุนรักษาเสถียรภาพตลาดหุ้น ส่วนผู้ว่า PBOC เผยว่ากำลังศึกษาความเป็นได้ของข้อเสนอดังกล่าว
• ผู้ว่า ธปท. เผยว่าการลดดอกเบี้ยในการประชุมครั้งล่าสุด เนื่องจากเห็นการขยายตัวสินเชื่อชะลอลงและยังไม่ใช่จุดเริ่มต้นวงจรดอกเบี้ยขาลง และส่งสัญญาณไม่เร่งรีบปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมครั้งต่อไป
กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET แกว่งตัว Sideway โดยแม้ดัชนีหุ้นไทยปรับขึ้นมาแถว 1500 จุดหลัง กนง. ปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย และคาดยังมีแรงส่งต่อเนื่อง รวมไปถึงยังมองมีปัจจัยภายนอก โดยเฉพาะผลประกอบการของ บจ. ในสหรัฐ ที่คาดจะออกมาแข็งแกร่งกว่าตลาดคาด สืบเนื่องจากมีความคาดหวังต่ำ แต่มอง SET จะมี Upside จำกัด หลังเริ่มเข้าสู่ช่วงติดตามผลประกอบการ 3Q67 ของ บจ. ไทยกลุ่ม Real Sector และยังรอนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมของภาครัฐ และหากพิจารณาในตัวเลขเศรษฐกิจที่จะประกาศสัปดาห์หน้า อาทิ ตัวเลขอสังหาริมทรัพย์และดัชนี PMI ภาคการผลิตของสหรัฐมองยังมีแนวโน้มชะลอตัวลง ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy”
ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์
แม้ SET มีโมเมนตัมปรับขึ้นต่อได้ แต่ช่วงสั้นคาด Upside เริ่มจำกัด หลังเริ่มเข้าสู่ช่วงติดตามผลประกอบการ 3Q67 ของ บจ. ไทยกลุ่ม Real Sector และรอปัจจัยใหม่ กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ใน 4 ธีมที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้
1. หุ้น Earning Play ที่ปัจจัยพื้นฐานดีและคาดกำไร 3Q67 เติบโต YoY และ QoQ เลือก BEM BCH BDMS GULF TRUE AU TNP และแนะนำระมัดระวังกลุ่มที่มีความเสี่ยง งบออกมาแย่กว่าตลาดคาด เช่น กลุ่มพลังงานและปีโตรฯ จากราคาน้ำมันลดลง กลุ่มบรรจุภัณฑ์จากยอดขายอ่อนตัวและค่าเงินบาทแข็ง และกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์จากค่าเงินบาทแข็ง
2. หุ้นที่ได้อานิสงส์จากแนวโน้มดอกเบี้ยปรับตัวลง LHHOTEL DIF CPALL AP SIRI รวมถึง SPALI หลังรัฐเตรียมออกมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยพิเศษไม่เกินคนละ 3 ลบ., TISCO KKP ที่มีสัดส่วนของสินเชื่อเช่าซื้อสูง และหุ้นที่มีต้นทุนกู้ยืมลดลง GPSC BAM
3. หุ้นที่จ่ายปันผลสูงและคาดเป็นเป้าหมายของกองทุนวายุภักษ์และกองทุนลดหย่อนภาษี แนะนำหุ้น SET100 ที่คาดให้ Div. Yield ขั้นต่ำปีละ 3.5% มีฐานะการเงินแข็งแกร่งและมีแนวโน้มเติบโตในปี 2025 เลือก KTB BBL ADVANC HMPRO BCP
4. สำหรับนักลงทุนที่ยังกังวลสถานการณ์ในตะวันออกกลางและต้องการหุ้นน้ำมันสำหรับป้องกันความเสี่ยง (Hedging) ยังคงเลือกหุ้นน้ำมันขั้นต้นอย่าง PTTEP
DAILY TOP PICKS
BCH: 3Q67 คาดกำไรเติบโต QoQ และ YoY หนุนจากเข้าสู่ High Season, การเปิดศูนย์การแพทย์เพิ่ม การปรับปรุง รพ. แล้วเสร็จ และการดำเนินงานที่ดีขึ้นของ รพ. ใหม่ ส่วน Valuation ไม่แพง โดยเทรดที่ PER 68F ระดับ 21 เท่า (-2SD) ขณะที่ปี 2567-69 คาดกำไรปกติจะเติบโตเฉลี่ยปีละ 13% แข็งแกร่งสุดในกลุ่ม รพ. ที่มีการให้บริการแก่กลุ่มประกันสังคม
KCE: มองราคาหุ้นระยะสั้นมีโอกาสได้ Sentiment บวกจากเงินบาทอ่อนค่า ราคาทองแดงปรับลง และข่าวผู้ผลิตชิปเกี่ยวกับยานยนต์โลกเริ่มฟื้นตัว อาทิ Texas Instruments อีกทั้งTesla ประกาศผลประกอบการดีกว่าคาด ช่วงที่ผ่านมามองราคาหุ้น KCE ปรับตัวลงสะท้อนปัจจัยลบไปจนเริ่มมี Downside จำกัดแล้ว วันนี้แนะนำเข้าซื้อเก็งกำไรไม่เกิน 36.75 บาท
ข่าวเด่น