ปัจจุบันการใช้เทคโนโลยี “ระบบการเตือนภัย” ที่มีประสิทธิภาพ ถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการสร้างความปลอดภัยสำหรับเมืองสมัยใหม่ ก่อนจะยกระดับไปสู่การเป็นเมืองอัจฉริยะน่าอยู่ (Smart City) นั่นเพราะระบบเหล่านี้ จะช่วยลดความเสี่ยงต่อชีวิตและทรัพย์สินในกรณีฉุกเฉิน ทำให้วิถีชีวิตของคนในเมืองมีความปลอดภัยมากขึ้น ทั้งจากภัยธรรมชาติและภัยจากมนุษย์ ที่สามารถช่วยป้องกันและรับมือกับเหตุการณ์ฉุกเฉินได้อย่างทันท่วงที
สำหรับระบบการเตือนภัยในปัจจุบันครอบคลุมการเตือนภัยหลากหลายรูปแบบ อาทิ ระบบเตือนภัยภัยพิบัติ ระบบเตือนภัยอาชญากรรม และระบบเตือนภัยด้านสิ่งแวดล้อม โดยการนำระบบการเตือนภัยไปใช้ นอกจากจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับประชาชนแล้ว ยังสามารถลดความเสียหายจากเหตุการณ์ฉุกเฉินได้อย่างมาก ตัวอย่างเช่น
กรณีการเกิดอุทกภัยในหลายจังหวัดทั้งภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีการนำระบบเตือนภัยมาใช้ ผ่านการใช้เซนเซอร์ตรวจจับสัญญาณต่างๆ และส่งสัญญาณเตือนไปยังประชาชนผ่านช่องทางต่างๆ เช่น โทรศัพท์มือถือ ระบบเสียงประกาศ หรือจอแสดงผลสาธารณะ หรือระบบเตือนภัยด้านสิ่งแวดล้อม เช่น การตรวจสอบคุณภาพอากาศ การแจ้งเตือนระดับมลพิษ และการเตือนภัยเมื่อเกิดเหตุการณ์อันตรายต่อสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะการรั่วไหลของสารเคมี ซึ่งเคยเกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้
รวมไปถึงเหตุใกล้ตัวอย่างกรณีเกิดเหตุไฟไหม้ การมีเทคโนโลยีระบบเตือนภัย จะส่งสัญญาณเตือนให้ผู้คนอพยพออกจากพื้นที่ได้อย่างทันท่วงที ทำให้ลดจำนวนผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตลงได้ แม้กระทั่งระบบเตือนภัยด้านอาชญากรรม เช่น การติดตั้งกล้องวงจรปิดที่มีระบบจดจำใบหน้า การใช้เซนเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ และการเชื่อมต่อกับศูนย์ควบคุมกลางเพื่อให้สามารถตอบสนองต่อเหตุการณ์ได้อย่างรวดเร็ว และลดการสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นอย่างไม่คาดฝัน
นายสุรพล อุทินทุ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ในฐานะผู้จัดงาน “Thailand Smart City Expo 2024” เปิดเผยว่า ด้วยความสำคัญของการนำระบบเตือนภัยในรูปแบบต่างๆ ภายในงาน Thailand Smart City Expo 2024 จะเป็นเวทีสำคัญที่รวบรวมเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านเมืองอัจฉริยะจากทั่วโลก ซึ่งผู้เข้าชมงานจะได้พบกับระบบการเตือนภัยที่หลากหลายและน่าสนใจ เช่น ระบบเตือนภัยที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ในการวิเคราะห์ข้อมูลและคาดการณ์เหตุการณ์ล่วงหน้า ระบบเตือนภัยที่เชื่อมต่อกับอุปกรณ์สวมใส่ส่วนบุคคล หรือระบบเตือนภัยที่ใช้พลังงานสะอาด รวมไปถึงระบบต่างๆ ที่จะเข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกของเมืองด้วย
สำหรับตัวอย่างเบื้องต้นของระบบเตือนภัยที่น่าสนใจภายในงาน Thailand Smart City Expo 2024 มีไฮไลท์ที่น่าสนใจดังนี้
แบรนด์ DTC : นำนวัตกรรมหลายรูปแบบมานำเสนอ เช่น DTC Smart Pole อีกหนึ่งเทคโนโลยีและนวัตกรรม ด้วยระบบเสาอัจฉริยะที่รวบรวมเทคโนโลยีต่างๆ ที่ทันสมัย มาพร้อมกับมัลติฟังก์ชัน ผสมผสานกับเสาไฟส่องสว่าง ไม่ว่าจะเป็นกล้อง CCTV เพื่อความปลอดภัยในชุมชน ระบบตรวจสอบสภาพอากาศ หรือจอประชาสัมพันธ์ข่าวสาร Smart pole จะช่วยบันทึก จัดเก็บ และส่งต่อข้อมูล เพื่อนำมาวิเคราะห์ ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน
ICE SMART : เป็นระบบแจ้งเตือนระดับน้ำอัจฉริยะ ที่ผลิตในไทย ตั้งแต่ฮาร์ดแวร์ถึงโปรแกรมควบคุม ทุกขั้นตอนพัฒนาในประเทศ โดยมีเซิร์ฟเวอร์ในไทย ทำให้ข้อมูลของคุณปลอดภัยไม่รั่วไหลไปต่างประเทศ ซึ่งจะใชัพลังงานจากโซล่าเซลล์ สามารถเข้าถึงทุกพื้นที่แม้ในเขตห่างไกล และสามารถควบคุมง่ายผ่านหน้าต่างควบคุมผ่านแอปพลิเคชัน พร้อมตรวจจับปัญหาและแก้ไขได้อย่างรวดเร็วและตรงจุด ซึ่งจะช่วยรักษาความปลอดภัยปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของคนในพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ โดยสามารถแจ้งเตือนทั้งน้ำป่าไหลหลาก ระดับน้ำในเขื่อน ระดับน้ำในท่อระบายน้ำ ระดับน้ำทะเลหนุน และน้ำท่วมเฉียบพลัน เป็นต้น
ZETA : นวัตกรรมจากบริษัท ไซไฟเซนส์ เอเชีย จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างเอสซีจีและไซไฟเซนส์ประเทศจีน จัดตั้งขึ้นเพื่อมุ่งเน้นการนำโซลูชัน IoT มาพัฒนาและปรับใช้ในเรื่องระบบบริหารจัดการอาคารอัจฉริยะ รวมถึงการบำรุงรักษาเครื่องจักรเชิงพยากรณ์ในวงการอุตสาหกรรม ผ่านเทคโนโลยี LPWAN 2.0 ของ ZETA ที่ส่งสัญญาณได้ไกลสุดในปัจจุบัน เป็นระบบตรวจสอบและส่งสัญญาณไร้สายประสิทธิภาพสูง โดยระบบ LPWAN ที่ส่งสัญญาณได้ไกลที่สุดในปัจจุบันและขยายสัญญาณเพิ่มได้ด้วย Mesh Protocol
สำหรับผู้ที่สนใจนวัตกรรมระบบเตือนภัยในรูปแบบต่าง ๆ สามารถเข้าชมได้ภายในงาน Thailand Smart City Expo 2024 โดยงานจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 6-8 พฤศจิกายน 2567 ณ ฮอลล์ 3-4 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ สอบถามเพิ่มเติมได้ผ่านหมายเลขโทรศัพท์ 02-229-3526 e-mail : thailandsmartcity@nccexhibition.com หรือดูรายละเอียดได้ที่เว็บไซต์ www.thailandsmartcityexpo.com
ข่าวเด่น