เฟดลดดอกเบี้ยตามคาด 25bps แม้ส่งผลให้ Sentiment ผ่อนคลาย เนื่องจากดอลลาร์กลับมาอ่อนค่า และ Bond Yield สหรัฐฯ ชะลอตัว อย่างไรก็ตามยังให้ระมัดระวัง โดยมองตลาดยังกังวลนโยบายทรัมป์กระทบต่อการค้าระหว่างประเทศ ด้านกรอบบนจำกัดที่แนวต้าน 1478-1487 จุด และยังมี Downside โดยมีแนวรับที่ 1450-1460 จุด ประเด็นสำคัญ ติดตามประชุม NPC จีน วันนี้
ประเด็นสำคัญ
• ตลท. ขอให้ผู้ลงทุนพิจารณาข้อมูลประกอบอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อขายหุ้น DELTA เนื่องจากราคาปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยมี PER ที่ 91.11 เท่า และ PBV ที่ 25.36 เท่า
• กฟผ. เผยอยู่ระหว่างศึกษาโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบสูบกลับตามร่างแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย (PDP2024) 3 โครงการ กำลังผลิตรวม 2,472MW ต้นทุนผลิตไฟ 2 บาท ลดการปล่อยคาร์บอน ดันไทยสู่เป้า Net Zero
• รมว.พาณิชย์มั่นใจไทยได้ประโยชน์หลังทรัมป์นั่งผู้นำสหรัฐ คาดส่งออกไปสหรัฐฯ เพิ่มจากการเข้าไปทดแทนสินค้าจีน ลุ้นส่งออกโตพุ่ง 5% ขณะที่ต่างชาติจะย้ายฐานลงทุนมาไทยมากขึ้น
• BoE มีมติ 8 ต่อ 1 ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 25bps เหลือ 4.75% ตามตลาดคาด หลังเห็นเงินเฟ้อชะลอตัวต่อเนื่อง แม้จะปรับคาดการณ์เงินเฟ้อขึ้นในปีหน้าขึ้นเป็น 2.75% ก่อนที่จะลงสู่กรอบ 2% ในปี 2569
• เฟดมีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 25bps สู่ระดับ 4.50-4.75% ตามตลาดคาด ซึ่งเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 2 ในปีนี้ โดยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและอุปสงค์น้ำมัน
• สำนักงานนิรภัยและการบังคับใช้กฎหมายสิ่งแวดล้อมของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ (BSEE) เผยการผลิตน้ำมันในเขตกัลฟ์โคสต์ของสหรัฐฯ กว่า 22% หรือประมาณ 391,214 บาร์เรล/วันได้ถูกระงับ เพื่อรับมือกับผลกระทบจากพายุเฮอร์ริเคนราฟาเอล
• สำนักศุลกากรจีนเผยยอดส่งออกจีน ต.ค. ขยายตัว 12.7% สูงกว่าตลาดคาดมาก หนุนจากอุปสงค์ต่างประเทศที่แข็งแกร่ง แต่การนำเข้าหดตัว 2.3% หดตัวมากกว่าคาดไว้จากอุปสงค์ในประเทศที่ยังอ่อนแอ
กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้น SET มีโอกาสฟื้นตัวจากระดับ 1450 จุด เนื่องจากมองตัวเลขเงินเฟ้อจีนจะออกมาต่ำกว่าคาดทำให้จีนอาจจออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหม่ และคาดเฟดมีแนวโน้มปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย 25bps ซึ่งจะส่งผลดีต่อบรรยากาศลงทุนในตลาดหุ้น รวมไปถึงการเลือกตั้ง ปธน. สหรัฐฯ คาดจะทำให้แนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีความชัดเจนมากขึ้น ทั้งนี้อาจจะมีความผันผวนที่สูงหากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้ง ปธน. ส่วนปัจจัยในประเทศน่าจะถูกขับเคลื่อนด้วยผลประกอบการ 3Q67 ของ บจ. ไทยเป็นสำคัญ แต่อย่างไรก็ดี ความผันผวนของค่าเงินและ Fund Flow ที่ยังไหลออกจากตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชีย ยังเป็นแรงกดดันต่อ Upside ของ SET ที่ 1500 จุด ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy”
ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์
ช่วงสั้นมอง SET มีโอกาสฟื้นตัวจากระดับ 1450 จุด แต่ยังมีแรงกดดันที่ 1500 จุด จากความผันผวนของค่าเงิน Fund Flow ที่ยังไหลออกจากตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชีย กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ใน 4 ธีมที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้
1. หุ้น Earnings Play สำหรับเก็งกำไรระยะสั้น คาดกำไร 3Q67 ออกมาเติบโตดี YoY และเป็นหุ้นที่เราแนะนำ Outperform เลือก CPAXT TU BCH MTC CBG WHA BDMS CPALL TIDLOR BEM AOT
2. หุ้น Global Play คาดระยะสั้นยังได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อนค่าและคาดกำไร 3Q67 เติบโต YoY และ 2H67 คาดกำไรยังแข็งแกร่ง HoH และ YoY เลือก TU AOT
3. หุ้นที่จ่ายปันผลสูงและคาดได้อานิสงส์จากการเป็นเป้าหมายสะสมของกองทุนวายุภักษ์และกองทุนลดหย่อนภาษี (SSF, RMF และ THAIESG) แนะนำหุ้น SET100 ที่มี Div. Yield ขั้นต่ำ 3.5%, ESG Rating และ CG สูง, ฐานะการเงินแข็งแกร่ง และมีแนวโน้มเติบโตในปี 2025 เลือก BBL ADVANC HMPRO BCP ทั้งนี้แนะนำรอซื้อเมื่ออ่อนตัว หลังราคาหุ้นปรับขึ้นมาแรงในช่วงที่ผ่านมา
4. สำหรับนักลงทุนที่ยังกังวลสถานการณ์ในตะวันออกกลางและต้องการหุ้นน้ำมันสำหรับป้องกันความเสี่ยง (Hedging) ยังคงเลือกหุ้นน้ำมันขั้นต้นอย่าง PTTEP
DAILY TOP PICKS
CPALL: 3Q67 คาดกำไรปกติจะเติบโต 39%YoY ดีสุดในกลุ่มพาณิชย์ แรงหนุนจากยอดขายและมาร์จิ้นที่ดีขึ้นจากธุรกิจ CVS และ CPAXT ส่วน 4Q67 จะเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปี 2567 จากเข้าสู่ High Season ขณะที่มาตรการกระตุ้น ศก. ของรัฐบาลและการปรับลดดอกเบี้ยจะเพิ่ม Upside ให้กับประมาณการ
GPSC: มองมีปัจจัยบวกระยะสั้นจาก Bond Yield ที่ปรับตัวลง ขณะที่ 4Q67 คาดกำไรจะปรับตัวดีขึ้น QoQ และ YoY เนื่องจากคาดผลการดำเนินงานของ ADAAVA จะฟื้นตัวดีขึ้น รวมถึงการ COD เต็มรูปแบบของโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมนอกชายฝั่งในไต้หวัน และการหยุดดำเนินการที่ลดน้อยลงของโรงไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรี ทั้งนี้แนะนำราคาเข้าซื้อวันนี้ไม่เกิน 41 บาท
ข่าวเด่น