นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า จากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ประกอบกับต้นทุนการผลิตและระดับราคาสินค้าทั่วไปที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้ค่าครองชีพในการดำเนินชีวิตประจำวันและต้นทุนในการประกอบอาชีพของประชาชนปรับตัวสูงขึ้น ทำให้ประสบกับปัญหาด้านสภาพคล่องและมีรายได้ไม่เพียงพอที่จะชำระหนี้ได้ตามกำหนด ทั้งที่เป็นหนี้ในระบบและหนี้นอกระบบจนเกิดเป็นปัญหาหนี้เรื้อรัง ดังนั้น เพื่อให้ปัญหาดังกล่าวได้รับการแก้ไขและบรรเทาลง กระทรวงการคลังจึงได้เสนอ เรื่อง การดำเนินโครงการสินเชื่อสร้างงานสร้างอาชีพของธนาคารออมสิน เพื่อเป็นการเสริมสภาพคล่องและบรรเทาภาระหนี้สินของประชาชนเป็นการเร่งด่วน อีกทั้งเพื่อป้องกันความเสี่ยงทางเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งคณะรัฐมนตรีในคราวประชุมเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2567 มีมติเห็นชอบเห็นชอบแล้ว โดยมีสาระสำคัญของโครงการ ดังนี้
โครงการสินเชื่อสร้างงานสร้างอาชีพ โดยธนาคารออมสินสนับสนุนสินเชื่อให้แก่ผู้ประกอบการรายย่อย ผู้ประกอบอาชีพอิสระ ผู้มีรายได้ประจำ ลูกจ้าง พ่อค้า แม่ค้า หรือผู้รับจ้างให้บริการต่าง ๆ เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนเสริมสภาพคล่องในการประกอบอาชีพ หรือนำไปชำระหนี้นอกระบบ หรือหนี้ที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงที่กู้ยืมมาใช้ในการประกอบอาชีพหรือดำรงชีพ วงเงินรวมไม่เกิน 15,000 ล้านบาท วงเงินสินเชื่อต่อรายไม่เกินรายละ 50,000 บาท อัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 0.75 ต่อเดือน ระยะเวลาชำระคืนเงินงวดสูงสุดไม่เกิน 5 ปี สามารถยื่นขอสินเชื่อได้ถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2568
ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวงการคลังได้ให้ความสำคัญเป็นอย่างมากในการช่วยเหลือและดูแลไม่ให้เกิดผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชนและการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจเป็นวงกว้าง รวมไปถึงการให้ความสำคัญในการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน เพื่อให้เป็นฟันเฟืองในการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตได้ในระยะยาวต่อไป ทั้งนี้ คาดว่าการดำเนินโครงการดังกล่าวของธนาคารออมสินจะสามารถสร้างเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจและสามารถช่วยเหลือประชาชนได้กว่า 300,000 ราย
ข่าวเด่น