เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
บล อินโนเวสท์วิเคราะห์ "มีโอกาสฟื้นตัว เห็นปัจจัยหนุน"


 

คาดดัชนีช่วงแรกอาจได้ Sentiment ลบบ้าง หลังถ้อยแถลงประธานเฟดระมัดระวังและระบุไม่จำเป็นต้องรีบในการลดดอกเบี้ย อย่างไรก็ตามดัชนีเริ่มยืนที่แนวรับบริเวณ 1440 จุดได้ สร้างสัญญาณบวกทางเทคนิค และคาดมีปัจจัยหนุนในประเทศจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยติดตามในวันที่ 19 พ.ย. ด้านแนวต้านอยู่ที่ 1460-1465 จุด หากขึ้นทะลุผ่านได้เห็นการฟื้นตัวชัดขึ้น

ประเด็นสำคัญ

• Google คาดเศรษฐกิจดิจิทัลไทยมีมูลค่า 4.6 หมื่นล้านดอลลาร์ในปี 2567 โดยใหญ่และเติบโตเร็วเป็นอันดับ 2 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (รองจากฟิลิปปินส์) รับอานิสงส์การเติบโตอีคอมเมิร์ซ ท่องเที่ยวออนไลน์ ยกไทยผู้นำลงทุน "AI-Data Center" ระดับภูมิภาค  

• ม. หอการค้าไทยเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ต.ค. 2567 ที่ 56.0 ปรับตัวดีขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 8 เดือน แต่ยังต่ำกว่าระดับ 100 แสดงว่าผู้บริโภคส่วนใหญ่ยังกังวลภาวะเศรษฐกิจฟื้นตัวไม่ดีขึ้นมากนัก ยังต้องติดตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและนโยบายทรัมป์

• สศค. ประเมิน GDP 4Q67 จะเติบโตอยู่ที่ 4.3-4.4% รับแรงหนุนแจกเงินหมื่น ด้าน รมว. คลังเผยการแจกเงินหมื่นเฟส 2 จะเป็นกลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปี ขึ้นไปที่ไม่อยู่ในกลุ่มเปราะบาง แต่มีปัญหาสภาพคล่อง  

• เมื่อคืนนี้ประธานเฟดแถลงส่งสัญญาณไม่รีบร้อนที่จะลดดอกเบี้ย หลังเห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงแข็งแกร่งและภาวะเงินเฟ้อยังไม่เข้าสู่กรอบเป้าหมายที่ 2% แม้ลดลงมามากแล้วในช่วงที่ผ่านมา

• เกาหลีใต้เผยยอดส่งออกผลิตภัณฑ์เทคโนโลยี ต.ค. เติบโตติดต่อกัน 12 เดือน เช่น สินค้า ICT, เซมิคอนดักเตอร์ และคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วง หนุนจากอุปสงค์ชิปในงานปัญญาประดิษฐ์รู้สร้าง (Gen AI)

• IEA ออกรายงานเตือนเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันล้นตลาด โดยระบุว่าอุปทานน้ำมันดิบทั่วโลกจะมากกว่าอุปสงค์ราว 1 ล้านบาร์เรล/วันในปี 2568 จากสหรัฐฯ และประเทศนอกกลุ่มโอเปกพลัสเพิ่มกำลังการผลิต

• CNN รายงานว่าขณะนี้พรรครีพับบลิกันสามารถครองอำนาจเบ็ดเสร็จทั้งในทำเนียบขาวและสภาคองเกรสแล้ว ซึ่งจะทำให้การผลักดันนโยบายต่าง ๆ ของนายโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

กลยุทธ์การลงทุน

แม้ช่วงสั้นมอง SET จะแกว่งตัว Sideways Up โดยปัจจัยลบที่มีต่อเศรษฐกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศมีค่อนข้างจำกัด อย่างไรก็ดีคาดเงินเฟ้อสหรัฐฯ จะยังชะลอตัวลง ทำให้แนวโน้มกาปรับลดดอกเบี้ยยังไม่เปลี่ยนแปลง รวมไปถึงความชัดเจนในการดำเนินนโยบายของทรัมป์ซึ่งเป็นปธน. สหรัฐฯ หลังการเลือกตั้งน่าจะยังเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ตลาดยังคงปรับตัวขึ้นต่อไป ทั้งนี้ผลกระทบจากความคาดหวังของนโยบบายรัฐบาลใหม่ของสหรัฐฯ ต่อเศรษฐกิจมหาภาคจะทำให้ตลาดมีความผันผวนสูงและอาจจะส่งผลกับทิศทาง Fund Flow โดยเฉพาะนโยบายระหว่างประเทศที่มีต่อจีน ส่วนปัจจัยในประเทศคาดจะถูกขับเคลื่อนด้วยการเข้าสู่ช่วงโค้งสัปดาห์สุดท้ายของการประกาศงบ 3Q67 กลยุทธ์ลงทุนจึงคงแนะนำให้ “Selective Buy”   

ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์

ช่วงสั้นมอง SET จะแกว่งตัว Sideways Up หลังปัจจัยลบในและต่างประเทศค่อนข้างจำกัด โดยในประเทศคาดจะถูกขับเคลื่อนด้วยการเข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายของการประกาศงบ 3Q67 กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ใน 4 ธีมที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้ 

1. หุ้น Earnings Play สำหรับเก็งกำไรระยะสั้นในโค้งสุดท้ายของการประกาศงบ 3Q67 ซึ่งคาดกำไรจะเติบโตดี YoY และเราแนะนำ Outperform เลือก AWC BDMS CPALL BEM AOT  

2. หุ้นที่ได้อานิสงส์บวกหลังทรัมป์คว้าชัยชนะเป็นปธน. สหรัฐฯ – AMATA WHA (นโยบายกำแพงภาษี-ย้ายฐานการผลิต), CPF AOT MINT (นโยบายลดภาษี-เพิ่มกำลังซื้อ และได้ประโยชน์จากดอลลาร์แข็งค่า)

3. หุ้นที่ปันผลสูงและคาดได้อานิสงส์เป็นเป้าหมายสะสมของกองทุนวายุภักษ์และกองทุนลดหย่อนภาษี แนะนำหุ้น SET100 ที่มี Div. Yield ขั้นต่ำ 3.5%, ESG Rating และ CG สูง, ฐานะการเงินแข็งแกร่ง และเติบโตในปี 2025 เลือก BBL ADVANC HMPRO BCP ทั้งนี้แนะนำรอซื้อเมื่ออ่อนตัว หลังราคาหุ้นปรับขึ้นมาแรงในช่วงที่ผ่านมา

4. สำหรับนักลงทุนที่ยังกังวลสถานการณ์ในตะวันออกกลางและต้องการหุ้นน้ำมันสำหรับป้องกันความเสี่ยง (Hedging) ยังคงเลือกหุ้นน้ำมันขั้นต้นอย่าง PTTEP

DAILY TOP PICKS

CPF: 3Q67 เผยกำไรสุทธิสูงกว่าคาดจากรายการพิเศษ ส่วนกำไรปกติออกมาตามคาดที่ 6.6 พันลบ. แรงหนุนจากราคาเนื้อสัตว์แข็งแกร่ง ต้นทุนอาหารสัตว์ต่ำ และคุมค่าใช้จ่ายได้ดี โดยปี 2567 คาดพลิกมีกำไรปกติ 1.49 หมื่นลบ. ซึ่งยังมี Upside มากที่สุดในกลุ่มจากวงจรการปรับลดดอกเบี้ยที่กำลังจะมาถึง ทั้งนี้วันนี้แนะนำซื้อเก็งกำไรราคาไม่เกิน 24.70 บาท

CPAXT: มองเป็นหนึ่งในผู้ได้รับประโยชน์หลักของกลุ่มพาณิชย์จากการเตรียมออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมของรัฐบาล ขณะที่ท 4Q67 คาดจะเป็นจุดสูงสุดของกำไรปีนี้ โดยจะเติบโต QoQ ตามผลฤดูกาล และ YoY จากยอดขายและมาร์จิ้นที่ดีขึ้น ทั้งนี้ภายหลังควบรวมกิจการ Synergy จะเริ่มมีให้เห็นใน 4Q67 และชัดเจนมากขึ้นในช่วงกลางปี 2568
 
 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 15 พ.ย. 2567 เวลา : 12:01:37
24-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 24, 2024, 9:21 pm