เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
บล อินโนเวสท์วิเคราะห์ "ลุ้นฟื้นตัวจากแนวรับ 1422-1433 จุด"


แม้สถานการณ์ตึงเครียดระหว่างรัสเซีย-ยูเครน สร้าง Sentiment ลบต่อตลาด อย่างไรก็ตามคาดแรงกดดันจากหุ้น DELTA จะลดลง หลังราคาเจอแนวรับโซน 136-140 บาท ในขณะที่หุ้นหลักอื่นๆ ดูเริ่มฟื้นตัว โดยเฉพาะกลุ่มพลังงานที่คาดได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันที่ปรับขึ้น ทำให้มองดัชนีมีโอกาสฟื้นตัวจากแนวรับ 1433 และ 1422 จุด ตามลำดับ ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1450-1460 จุด

ประเด็นสำคัญ

• นายกฯ เผยนโยบายเคลื่อนประเทศ ชี้ไทยเข้าช่วงเวลาดีที่สุดในการลงทุน เปิดแผนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ 5 ด้าน ระยะสั้น-ยาว ดันอสังหาฯ ลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ยกระดับภาคเกษตร หนุนท่องเที่ยว พร้อมลงทุนเอกชน ตอบโจทย์ปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ

• เครดิตบูโรเผย 3Q67 หนี้ครัวเรือนในระบบเครดิตบูโรอยู่ที่ 13.6 ล้าน เพิ่มขึ้น 0.5% ขณะที่หนี้ NPL ขยับเพิ่มมาที่ 1.2 ล้านลบ. คิดเป็น 8.8% ของสินเชื่อรวม โดยสินเชื่อบ้าน-รถบัตร-บุคคลเริ่มนิ่ง ขณะที่กลุ่ม SMEs น่าห่วงมียอดเพิ่มขึ้น 20%YoY และ 5.2%QoQ

• รมว.การท่องเที่ยวฯ มอบหมายททท. นำโครงการเราเที่ยวด้วยกันไปหารือกับกระทรวงการคลัง ก่อนนำเสนอบอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจพิจารณา โดยคาดจะเปิดให้ลงทะเบียนและเริ่มใช้สิทธิ์ในช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยวหรือโลว์ซีซั่น ปี 2568 (มี.ค.-มิ.ย.)

• วานนี้รัสเซียยิงมิสไซล์ช้ามทวีป (ICBM) โจมตียูเครน โดยเป็นครั้งแรกที่รัสเซียใช้อาวุธพิสัยไกลที่มีพลานุภาพสูงโจมตีเป็นครั้งแรก ส่วนโฆษกกระทรวงต่างประเทศรัสเซียเผยพร้อมจะพิจารณาข้อเสนอสันติภาพ “ที่เป็นไปได้จริง” โดยคำนึกถึงผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ

• นายกฯ ญี่ปุ่นเตรียมเปิดตัวมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 21.9 ล้านล้านเยน ครอบคลุมการปรับขึ้นค่าจ้าง, การแจกเงินสดแก่ครัวเรือนรายได้น้อย, สนับสนุนการลงทุนในเซมิฯ และ AI และอุดหนุนค่าพลังงาน

• วันนี้ติดตามศาลรธน. จะมีการพิจารณารับ-ไม่รับคำร้องคดี "ทักษิณ- เพื่อไทย" ปมล้มล้างการปกครอง ซึ่งกรณีรับคำร้องมองจะเป็น Sentiment ลบต่อบรรยากาศลงทุนระยะสั้นๆ เนื่องจากคาดศาลจะยังต้องใช้เวลาพิจารณาตัดสินอีกนานหลายเดือน

กลยุทธ์การลงทุน

แม้ช่วงสั้นมอง SET จะแกว่งตัว Sideway ปัจจัยต่างประเทศค่อนข้างจำกัดหลังตลาดรับรู้ปัจจัยบวกจากนายโดนัลด์ ทรัมป์เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่แล้ว สะท้อนจากผลตอบแทนและกระแสเงินที่ไหลเข้าหุ้นกลุ่มการเงินและหุ้นขนาดเล็กของสหรัฐฯ รวมถึงกระแสเงินที่ไหลออกจากตลาดหุ้น EM และตลาดหุ้นจีนจาความกังวลนโยบายปรับขึ้นภาษีสินค้านำเข้าของสหรัฐฯ ส่วนปัจจัยในประเทศมองอยู่ในช่วงปรับประมาณการของบจ. และกำไรตลาด หลังภาพรวมกำไรของ SET 3Q67 อ่อนตัวลงทั้ง YoY และ QoQ อีกทั้งมีประเด็นต้องติดตามลุ้นศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณารับหรือไม่รับคำร้องคดีพรรคเพื่อไทยล้มล้างการปกครองในวันที่ 22 พ.ย.นี้ ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy”

ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์

ช่วงสั้นมอง SET แกว่งตัวไซด์เวย์ โดยปัจจัยต่างประเทศค่อนข้างจำกัดหลังอยู่ระหว่างรอดูนโยบายภาษีของทรัมป์ ขณะที่ปัจจัยในประเทศรอดูรัฐออกมาตรการกระตุ้น ศก. เพิ่มเติมกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ใน 4 ธีมที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้ 

1. หุ้น Event Play ที่คาดได้อานิสงส์บวกจากรัฐเตรียมพิจารณาออกมาตรการเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม อาทิ แจกเงินหมื่นบาทเฟส 2, ช้อปดีมีคืน (Easy E-Receipt) แนะนำกลุ่มค้าปลีก (CPALL CPAXT CRC HMPRO TNP) 

2. หุ้นที่ได้อานิสงส์บวกจากดอลลาร์แข็งค่า/บาทอ่อนค่า แนะนำกลุ่มที่มีรายได้จากการส่งออก (CPF DELTA) และกลุ่มท่องเที่ยว (AWC AOT MINT) 

3. หุ้น Earnings Play ซึ่งมองมีโมเมนตัมกำไร 4Q67 จะเติบโตดี YoY และ QoQ อีกทั้งเราแนะนำ Outperform เลือก GULF OSP CBG AMATA AU TIDLOR  

4. หุ้นที่จ่ายปันผลสูงและคาดได้อานิสงส์จากการเป็นเป้าหมายสะสมของกองทุนวายุภักษ์และกองทุนที่ได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีช่วงปลายปี อาทิ SSF RMF และ THAIESG แนะนำหุ้น SET100 ที่คาดให้ Dividend Yield ขั้นต่ำปีละ 3.5% และมี ESG Rating สูงตั้งแต่ระดับ AA-AAA และ CG ระดับ 5 ดาว อีกทั้งมีฐานะการเงินแข็งแกร่ง และผลประกอบการมีแนวโน้มเติบโตได้ในปี 2025 เลือก BBL ADVANC HMPRO

DAILY TOP PICKS

AOT: เป็นหนึ่งในหุ้นเด่นของเราในกลุ่มท่องเที่ยว โดย 4QFY67 มีกำไรปกติ 4.4 พันลบ. เพิ่มขึ้น 20%YoY หนุนให้ปี FY2567 กำไรปกติโตเด่น 111%YoY และคาดปี FY2568 ยังเติบโตต่อ 18%YoY อิงจำนวนผู้โดยสารระหว่างประเทศที่ 84 ล้านคน เติบโต 15%YoY ซึ่ง 1QFY68 คาดกำไรจะเติบโตทั้ง YoY และ QoQ จากเข้าสู่ High Season ทั้งนี้วันนี้แนะนำเข้าซื้อเก็งกำไรราคาไม่เกิน 62 บาท

PTTEP: มองราคาน้ำมันที่แข็งแกร่งในระยะสั้นจะเป็นปัจจัยกระตุ้นราคาหุ้น และยังนับเป็นหุ้นที่เป็นสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงจากกรณีกังวลความไม่สงบในตะวันออกกลาง ขณะที่ผลการดำเนินงานและงบดุลของบริษัทยังแข็งแกร่ง โดยปี 2567 คาดมีกำไรปกติ 8.0 หมื่นลบ. เติบโต 2%YoY ทั้งนี้แนะนำเข้าซื้อเก็งกำไรราคาไม่เกิน 129.50 บาท
 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 22 พ.ย. 2567 เวลา : 11:33:39
27-12-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ December 27, 2024, 5:17 am