ในฐานะที่ “โดนัลด์ ทรัมป์” ได้กลับขึ้นมากุมบังเหียนสหรัฐอเมริกาอีกครั้ง ด้วยอำนาจเต็มมือที่สามารถกำหนดทิศทางประเทศได้ ประกอบกับลักษณะแนวคิดที่มีความสุดโต่งของเขาผ่านโยบายหาเสียงที่ผ่านมานั้น ทำให้ไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่า ก้าวต่อไปที่ทรัมป์จะทำนั้นจะดำเนินต่อไปอย่างไร แต่ที่แน่ๆ คงสามารถส่งแรงกระเพื่อมและผลลัพธ์ที่สั่นสะเทือนไปทั่วโลกอย่างไม่ต้องสงสัย
ซึ่งด้วยความสุดโต่งทางเสรีนิยมของทรัมป์ นอกจากจะสานต่อนโยบายต่างประเทศที่ต้องการแยกตัวสหรัฐฯ ออกจากความขัดแย้งในภูมิภาคต่างๆ ของโลก และเตรียมทำสงครามทางการค้ากับจีนแล้ว ล่าสุดยังเซอร์ไพร์สคนในประเทศและสังคมโลกด้วยการประกาศก่อตั้งหน่วยงานใหม่ที่ชื่อ "Department of Government Efficiency" ซึ่งจัดตั้งขึ้นมาเพื่อปฏิรูปโครงสร้างการบริหารของสหรัฐฯ โดยจะลดขนาดระบบราชการที่มีขนาดใหญ่และปรับโครงสร้างหน่วยงานรัฐบาลให้มีขนาดเล็กลง ซึ่งจะทำให้รัฐบาลทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น สามารถลดการใช้งบประมาณ แก้ไขการฉ้อโกง และกำจัดการทำงานที่ซ้ำซ้อนได้
แต่ที่พิเศษไปกว่านั้น คือ ทรัมป์ได้แต่งตั้งให้ “อีลอน มัสก์” มหาเศรษฐีระดับโลกและผู้ก่อตั้ง SpaceX และ Tesla ขึ้นเป็นผู้นำในหน่วยงานนี้ (ร่วมกับ วิเวก รามาสวามี นักลงทุน และอดีตผู้สมัครชิงตำแหน่งตัวแทนประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกัน) แม้ตอนนี้ทรัมป์จะยังไม่ได้มีการประกาศรูปแบบโครงสร้างที่ชัดเจน แต่ด้วยบทบาทของหน่วยงานนี้ที่ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาภายนอกและแนะแนวทางการปรับปรุงการบริหารงานให้กับทำเนียบขาว ไม่ได้ขึ้นตรงกับหน่วยงานของรัฐอย่างเป็นทางการ จึงไม่ต้องผ่านกฎหมายของสภาคองเกรส ไม่ต้องได้รับการอนุมัติจากวุฒิสภา นอกจากนี้ อีลอน มัสก์ เองก็ยังสามารถทำธุรกิจของตนได้ตามปกติอีกด้วย
ทำให้ดูเหมือนว่า อีลอน มัสก์ จะมีอิทธิพลเพิ่มขึ้นในการกำกับดูแลและลดการใช้จ่ายภาครัฐ ซึ่งนอกจากจะเอื้อให้บริษัทของเขาได้รับผลประโยชน์มากขึ้นแล้ว การที่เขายังสามารถเข้าถึงทรัพยากรทางการเงินและข้อมูลเชิงนโยบายของรัฐ ประกอบกับการที่เขายังเป็นที่รู้จักในฐานะผู้สนับสนุนเหรียญคริปโต DOGE อย่างชัดเจนโดยตลอดมา จนได้รับการขนานนามว่า Dogefather และเมื่อเอามาพิจารณาร่วมกับชื่อของหน่วยงานดังกล่าวของมัสก์ "Department of Government Efficiency" หรือชื่อย่อว่า “D.O.G.E” ก็ดูเหมือนจะเป็นการจับวางอย่างจงใจไปเสียหมด
ชาร์ต DOGE/USDT บนกระดานเทรด Binance จาก Tradingview.com
ซึ่งด้วยการที่หน่วยงานมีชื่อพ้องกับเหรียญ DOGE รวมถึงการคาดคะเนว่าเราอาจจะได้เห็น Utility ของเหรียญนี้มากขึ้นในอนาคต ก็ทำให้ DOGE มีมูลค่าเพิ่มขึ้นเกือบ 20% หลังจากการประกาศว่ามัสก์จะเข้ามามีส่วนร่วมอย่างจริงจัง โดยก่อนหน้านี้ก็มีทิศทางของราคาที่ขยับขึ้นโดยตลอดตั้งแต่วันที่ทรัมป์ชนะเลือกตั้ง (เพราะทรัมป์เคยกล่าวในช่วงการหาเสียงโค้งสุดท้ายว่าจะให้มัสก์เป็นหัวหน้าคณะกรรมการด้านประสิทธิภาพของรัฐบาลหากตนได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดี) ซึ่งนับตั้งแต่วันเลือกตั้งจนถึงระดับราคาสูงสุดในปัจจุบัน ราคาเหรียญ DOGE ขึ้นมาแล้วกว่า 167% เลยทีเดียว
ทั้งนี้หน่วยงานดังกล่าวยังไม่ได้มีการประกาศจัดตั้งอย่างเสร็จสิ้น และเราอาจจะได้เห็นกระแสต่อต้านจากผู้ที่ทำงานข้าราชการและจากสภาครองเกรส เนื่องจากการทำให้ระบบมีขนาดเล็กลงจำเป็นที่จะต้องยุบหน่วยงาน ซึ่งกระทบต่อการทำงานของรัฐบาล และประเด็นความกังวลที่เสี่ยงต่อการเอื้อผลประโยชน์ต่อภาคเอกชน ซึ่งกระทบกับผู้บริโภคในประเทศ อย่างไรก็ตาม มัสก์ได้ยืนยันว่าจะดำเนินโครงการนี้อย่างโปร่งใส และจะเผยแพร่ข้อมูลทั้งหมดผ่านทางออนไลน์ ส่วนกรณีเหรียญ DOGE ที่มี Volume การซื้อขายอย่างหนาแน่นในตอนนี้ มัสก์เพียงออกโรงเตือนว่าตนไม่เคยแนะนำให้ใครซื้อสกุลเงินดิจิทัล รวมถึงเหรียญ DOGE แม้ว่าเขาจะมีอิทธิพลต่อวงการคริปโตและเหรียญดังกล่าวมากก็ตาม
ข่าวเด่น