ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เผยผลการดำเนินงานปัจจุบัน สามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้มากกว่า 200,000 ล้านบาท โดยเป็นสินเชื่อสำหรับกลุ่มผู้มีรายได้น้อยและปานกลางวงเงินกู้ไม่เกิน 3 ล้านบาท จำนวน 95,125 ราย ส่งผลให้สินเชื่อคงค้างรวมอยู่ที่ 1.78 ล้านล้านบาท คาดการณ์ปล่อยสินเชื่อใหม่ในปี 2567 ได้ไม่ต่ำกว่า 230,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน Market Share ถึง 47% ส่วนปี 2568 สินเชื่อพุ่งแตะสูงสุด 250,000 ล้านบาท จากแรงหนุน NPL ที่ปรับตัวดีขึ้น และอัตราดอกเบี้ยที่คาดว่าจะลดลงในปีหน้า ส่วนกำไรคาดว่าไม่ได้เติบโตไปมากกว่าปีนี้ เนื่องจากมุ่งช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม ผ่านการดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลและกระทรวงการคลัง ที่สนับสนุนคนไทยมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองมากขึ้น ทั้งจากมาตรการคุณสู้ เราช่วย และนโยบายสร้างบ้านเพื่อคนไทยของปี 2568

นายกมลภพ วีระพละ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ธอส. ในฐานะสถาบันการเงินของรัฐ ที่มีพันธกิจ “ทำให้คนไทยมีบ้าน” โดยตลอดระยะเวลา 71 ปีที่ผ่านมา ได้ทำให้คนไทยมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองมาแล้วมากกว่า 4.6 ล้านครอบครัว สามารถสนับสนุนนโยบายของรัฐบาล และกระทรวงการคลัง ในการช่วยเหลือประชาชน โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อยและปานกลางให้มีคุณภาพชีวิต และความมั่นคงด้านที่อยู่อาศัย โดย ณ วันที่ 4 ธันวาคม 2567 ธอส. สามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้แล้วกว่า 200,856 ล้านบาท จำนวน 155,536 บัญชี ซึ่งในจำนวนนี้ เป็นสินเชื่อปล่อยใหม่สำหรับกลุ่มผู้มีรายได้น้อยและปานกลางวงเงินกู้ไม่เกิน 3 ล้านบาท สูงถึง 95,125 ราย สะท้อนว่า ธอส. เป็นธนาคารที่ตอบโจทย์ด้านสินเชื่อที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อยและปานกลางมาอย่างต่อเนื่อง

โดยในต้นปี 2567 ที่ผ่านมา ธอส.ได้ออกมาตรการอย่างต่อเนื่องเป็นซีรี่ย์ เช่นตั้งแต่ มาตรการ M17 ช่วยเหลือลูกหนี้ NPL นาน 1 ปี ที่ทำให้มีลูกค้าเข้ามากว่า 89,000 บัญชี นอกจากนี้ก็ยังมีการออกมาตรการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนช่วงประมาณไตรมาส 2 ที่ผ่านมาด้วย ด้วยการคิดอัตราดอกเบี้ย 0% นาน 3 เดือนแรก แต่ต้องยอมรับว่าด้วยสภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ดีขึ้นนัก ทำให้ธอส. ได้ออกมาตรการเพิ่มเติมต่อมาอย่าง มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ผู้ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ (DC1 – DC2) ซึ่งก็สามารถช่วยกลุ่มที่มีปัญหาหนี้ได้ค่อนข้างเยอะ

ปัจจุบัน ธอส. มีสินเชื่อคงค้างรวมทั้งสิ้น 1.78 ล้านล้านบาท ให้บริการผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่หลากหลายและตรงตามความต้องการของลูกค้า อาทิ สินเชื่อบ้าน 71 ปี ธอส., โครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อผู้ประกันตน พ.ศ.2567, มาตรการสินเชื่อซื้อ – สร้าง และมาตรการสินเชื่อซ่อม – แต่ง ทำให้คาดการณ์ทั้งปี 2567 ธอส. จะสามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ไม่ต่ำกว่า 230,000 ล้านบาท ขณะที่การจัดทำมาตรการแก้ไขปัญหาหนี้สินภาคครัวเรือน ปี 2567 และมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ดังกล่าว ผู้ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ เพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบด้านรายได้ให้กับลูกค้านั้น ปัจจุบันมีลูกค้าลงทะเบียนเข้าร่วมมาตรการรวม 114,101 บัญชี คิดเป็นวงเงินต้นคงเหลือ 133,255.49 ล้านบาท โดยเชื่อว่ามาตรการดังกล่าวจะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยรักษาบ้านให้คนไทย และทำให้หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ของ ธอส. อยู่ในระดับที่เหมาะสมได้
“ซึ่งในส่วนของ NPL นั้น ภาพรวมก็เริ่มดีขึ้น จากที่ผ่านมาปีนี้สูงถึง 6% นั้น ในช่วง 4 เดือนให้หลังมานี้ตัวเลข NPL ลดต่ำลงมาตลอด จนปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 5.50% ของยอดสินเชื่อรวม และด้วยมาตรการอย่าง “คุณสู้ เราช่วย” ที่ช่วยเหลือลูกหนี้สินเชื่อบ้าน รถ และ SMEs ขนาดเล็กที่มีวงเงินหนี้ไม่สูงมาก ให้สามารถรักษาทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันทั้งบ้าน รถ และสถานประกอบการไว้ได้ ด้วยการปรับโครงสร้างหนี้แบบลดค่างวดและลดภาระดอกเบี้ยนั้น คาดว่าจะช่วยให้สถานการณ์ของตัวหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้นั้นปรับลดลงต่อในปี 2568 ที่อยู่ระหว่าง 4-5% และเข้าถึงลูกหนี้ที่เข้าข่ายได้ถึง 349,000 บัญชี
ด้าน Corporate Ratio เนื่องจาก NPL ที่ปรับลดลง ทำให้อัตราส่วนอยู่ที่ระดับ 155% ซึ่งอยู่ในค่าเฉลี่ยของธนาคารพาณิชย์ด้วยกัน เป็นการสำรองทุนที่เพียงพอที่จะใช้ในปีงบประมาณ 2570” นายกมลภพ กล่าว
สำหรับในปี 2568 ธอส. พร้อมดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลและกระทรวงการคลัง ในการสนับสนุนคนไทยให้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองเพิ่มมากขึ้น เพื่อช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม และขับเคลื่อนองค์กรสู่ความยั่งยืน ด้วยการเป็นที่ 1 ของสถาบันการเงินที่ปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยระดับราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท โดย ธอส. คาดการณ์ ปล่อยสินเชื่อใหม่ในปี 2568 ได้ไม่ต่ำกว่าปี 2567 ผ่านการให้บริการผลิตภัณฑ์สินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำและเงินงวดในการผ่อนชำระอยู่ในระดับที่เหมาะสม สำหรับผู้มีรายได้น้อยและปานกลาง (Social Solution) และสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำสำหรับกลุ่มผู้ประกอบอาชีพประจำ-อาชีพอิสระ ที่มีรายได้มากกว่า 25,000 บาท/เดือน (Business Solution)

“จากภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัวขึ้นในปลายปี 2567 ซึ่งส่งผลต่อเนื่องไปยังเศรษฐกิจในปี 2568 ขยายตัวดีขึ้น ดังนั้นจึงคาดว่าการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยของ ธอส. จะได้ตามที่คาดการณ์ไว้ โดย ธอส. พร้อมสานต่อนโยบายของรัฐในการสนับสนุนให้คนไทยมีบ้าน ด้วยการให้บริการสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำที่หลากหลาย ครอบคลุมทุกกลุ่มอาชีพเพิ่มมากขึ้น ซึ่งคาดว่าจะปล่อยสินเชื่อได้ไม่ต่ำกว่าสินเชื่อใหม่ที่ปล่อยได้ในปี 2567 ได้ หรืออยู่ที่ประมาณ 240,000 - 250,000 แสนล้านบาท หรือเติบโตขึ้น 3% ด้วยแรงสนับสนุนจากแนวโน้มของอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง มาตรการของกระทรวงการคลังที่คาดว่าจะช่วยเหลือให้ NPL ปรับตัวลดลง และจากการสอบถามผู้ประกอบการ SMEs ไทย ที่มีแผนเปิดโครงการใหม่เพิ่มมากขึ้นในปีหน้าเทียบกับปีนี้ ในส่วนของการเติบโต หรือ Growth ของธอส. จะค่อนข้างสอดคล้องไปกับการเติบโตของ GDP และอัตราเงินเฟ้อในอนาคต แต่ทั้งนี้ ด้วยมาตรการ คุณสู้ เราช่วย และนโยบายสร้างบ้านเพื่อคนไทยของภาครัฐ คาดว่าจะทำให้อัตราส่วนกำไร Margin ของทางธอส. ปรับลดลงในปีหน้า หรือไม่น่าจะสูงกว่าปี 2567 ” นายกมลภพ กล่าว
ทั้งนี้ ในเรื่องนโยบายสร้างบ้านเพื่อคนไทยของภาครัฐในปี 2568 ที่จะไม่คิดเงินดาวน์ คิดค่าเช่าเดือนละ 4,000 บาทต่อเดือน ให้สิทธิเช่าระยะยาว 99 ปี โดยให้สิทธิเฉพาะผู้ที่ต้องการเป็นเจ้าของบ้านหลังแรกนั้น นายกมลภพ ชี้แจงเบื้องต้นว่า ด้วยสิทธิการเช่า ผู้ที่มีบ้านหลังแรกในพื้นที่ ๆ กำหนด ก็สามารถยื่นกู้ในระยะเวลา 30 ปีกับโครงการดังกล่าวได้ ซึ่งเมื่อจ่ายครบ จะมีสิทธิ์ครอบครองบ้าน 99 ปี ส่วนการพิจารณาทั้งฐานเงินเดือนของผู้กู้ คุณสมบัติอื่น ๆ รวมถึงโครงสร้างดอกเบี้ย จะต้องรอความชัดเจนเพิ่มเติมในระยะเวลาต่อไป
นอกจากนี้ ธอส. ยังพัฒนาการให้บริการเพื่อเพิ่มความสะดวกให้กับลูกค้ายิ่งขึ้น อาทิ
1. โครงการสอบทานกระบวนการให้สินเชื่อ (Automate Loan Review : ALR ) โครงการที่พัฒนาขึ้นเพื่อสอบทานคุณสมบัติของลูกค้าที่ยื่นขอสินเชื่อ เพื่อลดความเสี่ยงที่เกิดขึ้นในกระบวนการพิจารณาสินเชื่อ ซึ่งช่วยให้ลูกค้าได้สินเชื่อที่ตรงกับความต้องการและความสามารถของลูกค้า
2. โครงการระบบ GHB Digital Appraisal ระยะที่ 3 เป็นโครงการที่พัฒนาขึ้นเพื่อรองรับการประเมินราคาหลักทรัพย์ผ่านระบบดิจิทัล ซึ่งมีการขยายพื้นที่ในการให้บริการไปยังสาขาต่างๆ เพิ่มมากขึ้น โดยระบบดังกล่าวเป็นการให้บริการด้านข้อมูลการประเมินราคาหลักทรัพย์ในเบื้องต้นให้กับลูกค้า ซึ่งเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าที่มีความประสงค์จะขอสินเชื่อกับธนาคาร ให้สามารถประเมินราคาในเบื้องต้นเพื่อประมาณการวงเงินอนุมัติเบื้องต้นได้รวดเร็วขึ้น โดยผู้ที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ธอส.ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือ G H Bank Call Center โทร 0-2645-9000 หรือ Facebook Fanpage ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และติดตามข่าวสารของธนาคารได้ที่ Mobile Application : GHB ALL GEN และ www.ghbank.co.th
ข่าวเด่น