คาด SET มีการรีบาวน์ทางเทคนิค อย่างไรก็ตาม ตลาดที่ยังขาดปัจจัยหนุน และนักลงทุนในตลาด รอติดตามการประชุมเฟดใน 2 วันนี้ (17-18 ธ.ค.) และประชุมกนง. ในวันพรุ่งนี้ (18 ธ.ค.) ทำให้มองกรอบบนยังถูกจำกัดบริเวณแนวต้าน 1425-1430 จุด ส่วนกรอบล่างอยู่ที่บริเวณแนวรับ 1410 และ 1400 จุด ตามลำดับ ใช้เป็นจุดรองรับ
ประเด็นสำคัญ
• FETCO คาดศก. ไทยในปี 2568 โตเกิน 3% ปัจจัยหนุน ได้แก่ ดอกเบี้ยขาลง ท่องเที่ยวเด่น แลต่างชาติลงทุนไทย จับตาวิกฤตอสังหาฯจีน-ภาษีทรัมป์-สงคราม ฉุดลงทุนผันผวน มองเป้า SET ปีหน้าแตะ 1,614 จุด
• รมว. ท่องเที่ยวฯ เผยนักท่องเที่ยวอินเดียครบ 2 ล้านคนตามเป้าหมายปี 2567 สูงสุดเป็นประวัติการณ์ แรงส่งสำคัญจากมาตรการฟรีวีซ่า การขยายระยะพำนักไม่เกิน 60 วัน และตั้งเป้าปี 2568 แตะ 2.5 ล้านคน
• รมช. คลังเผยรัฐบาลได้เตรียมมาตรการของขวัญปีใหม่และจะประกาศความชัดเจนในช่วงปลายปีนี้ ซึ่งมาตรการที่จะออกมานี้เกี่ยวข้องกับการกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยในรูปแบบที่ต้องใช้อิเล็กทรอนิกส์
• กกพ. ประกาศรายชื่อผู้ผลิตไฟฟ้าที่ได้รับการคัดเลือกในเฟสสองจำนวน 72 ราย เช่น GUNKUL, WHAUP, TSE, GPSC-IRPC, EGCO รวม 2,145MW โดยมีกำหนด SCOD ช่วงปี 2569-2573
• BOI เผยคอมเปคซึ่งเป็นผู้ผลิตแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ (PCB) ยักษ์ใหญ่อันดับ 5 ของโลกจากไต้หวัน เตรียมลงทุนกว่า 1 หมื่นลบ. ที่นิคมอุตสาหกรรมเอเชีย (สุวรรณภูมิ) พร้อมเดินสายผลิต ธ.ค. นี้ ตั้งเป้าใช้ไทยเป็นฐานผลิตสำคัญ
• สมาคมโรงแรมไทยเผยดัชนีเชื่อมั่นที่พักแรมเดือนพ.ย. 2567 โรงแรมเมืองหลักระดับ 4-5 ดาว แม้จ้างงานเพิ่มช่วงไฮซีซัน แต่ยังต่ำ 10% คาดอัตราเข้าพักเฉลี่ยทั่วประเทศเดือนธ.ค. อยู่ที่ 72% ปัจจัยกดดันราคาตั๋วบินสูง เที่ยวนอกคุ้มค่า แบะภาวะศก.
• สำนักงานสถิติแห่งชาติจีนเผยยอดค้าปลีกเดือนพ.ย. ขยายตัวชะลอลงเหลือ 3%YoY ต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้ ส่วนการลงทุนในสินทรัพย์คงทนช่วง 11M67 ขยายตัว 3.3%YoY ต่ำกว่าที่ตลาดคาดเช่นกัน
กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET จะแกว่งตัวผันผวน โดยมีแนวรับที่บริเวณ 1440-1450 จุด ทั้งนี้ Upside ของตลาดขึ้นกับแนวโน้มเศรษฐกิจจีน และการปรับลดดอกเบี้ยของ Fed ด้านตลาดหุ้นไทยติดตามการประชุม กนง. ที่ตลาดคาดจะคงดอกเบี้ยเป็นปัจจัยกดดันลาดในระยะสั้น อย่างไรก็ดีหาก กนง. ปรับลดดอกเบี้ยจะส่งผลให้ SET Index ปรับตัวขึ้นได้ราว 15-20 จุด รวมถึงการเข้าสู่โค้งสุดท้ายของการซื้อกองทุนประหยัดภาษีที่มักเร่งตัวขึ้นในช่วงปลายปี ขณะที่ยังต้องติดตามนโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐและการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy”
ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์
ช่วงสั้นมอง SET จะแกว่งตัวผันผวน โดย Upside ของตลาดขึ้นกับแนวโน้มเศรษฐกิจจีนและท่าทีของเฟด ส่วนปัจจัยในประเทศติดตามการประชุมกนง. กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy” ใน 3 ธีมหลักที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว และ 1 ธีมเทรดดิ้งระยะสั้น ดังนี้
1. หุ้นที่คาดได้อานิสงส์จากการเป็นเป้าหมายสะสมของกองทุนวายุภักษ์และกองทุนที่ได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีช่วงปลายปี อาทิ SSF และ RMF แนะนำลงทุนในหุ้น SET100 ซึ่งมีคุณสมบัติ คือ 1) จ่ายเงินปันผลดีและสม่ำเสมอ โดยให้ Div. Yield ขั้นต่ำปีละ 3% 2) เราให้คำแนะนำ Outperform และมี SETESG Rating สูงตั้งแต่ระดับ A-AAA และ CG ระดับ 5 ดาว และ 3) มีฐานะการเงินแข็งแกร่ง และผลประกอบการมีความมั่นคงหรือมีแนวโน้มเติบโตได้ในปี 2025 ได้แก่ ADVANC AP BBL BDMS HMPRO
2. หุ้นที่คาดได้อานิสงส์บวกจากรัฐเตรียมออกมาตรการกระตุ้นการบริโภคและท่องเที่ยวเพิ่มเติมในช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ แนะนำ กลุ่มพาณิชย์ (CPALL CRC HMPRO TNP) และกลุ่มท่องเที่ยว (AWC AOT MINT)
3. หุ้น Earning Play ซึ่งมองมีโมเมนตัมกำไร 4Q67 จะเติบโตดี YoY และ QoQ อีกทั้งเราแนะนำ Outperform เลือก GULF OSP AMATA AU TIDLOR BCP
4. Trading Idea : นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงอาจเก็งกำไรหุ้นที่คาดได้อานิสงส์ดอกบี้ยขาลง แนะนำ 1) หุ้นกลุ่ม Reits (LHHOTEL DIF) ซึ่งได้อานิสงส์บวกภายใต้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรกำลังจะเปลี่ยนเป็นทิศทางเป็นขาลง 2) หุ้นกลุ่มค้าปลีก (CPALL) ซึ่งได้อานิสงส์จากประชาชนมีอำนาจซื้อเพิ่มขึ้น (ดอกเบี้ยเงินกู้ลดลง) และ 3) หุ้นธนาคาร (TISCO KKP) เพราะมีสัดส่วนของสินเชื่อเช่าซื้อสูง ซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยคงที่/หุ้น Laggard ซึ่งมีเทคนิคมีแนวโน้มฟื้นตัว แนะนำ BEM BDMS MINT AP
DAILY TOP PICKS
TASCO : เป็นหุ้นที่ได้อานิสงส์จากราคาน้ำมันปรับตัวลงและสถานการณ์น้ำท่วม ขณะที่ 4Q67 คาดกำไรปกติจะยังเติบโตต่อเนื่อง YoY แรงหนุนจากปริมาณขายยางมะตอยที่เพิ่มขึ้นจากการเร่งเบิกงบประมาณซ่อมและสร้างถนนในไทย อีกทั้งราคาขายยางมะตอยทั้งในประเทศและต่างประเทศยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง และได้รับ SETESG Rating ที่ระดับ AA ทั้งนี้วันนี้แนะนำเข้าซื้อเก็งกำไรราคาไม่เกิน 19.60 บาท/หุ้น
AOT : มองกำไรมีแนวโน้มเติบโตสดใสตามจำนวนผู้โดยสารระหว่างประเทศที่เพิ่มขึ้น โดยปี FY2568 คาดกำไรจะเติบโต 18%YoY อิงจำนวนผู้โดยสารระหว่างประเทศที่ 84 ล้านคน เติบโต 15%YoY ซึ่ง 1QFY68 คาดกำไรจะเติบโตทั้ง YoY และ QoQ จากเข้าสู่ High Season ของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย
ข่าวเด่น