
ดัชนีวันทำการแรกของปี 2568 คาดยังเคลื่อนไหวคล้ายกับช่วงปลายปีที่ผ่านมา เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามามีอิทธิพลนัก โดยในระยะสั้นมี upside จำกัด บริเวณแนวต้าน 1405 และ 1410 จุด ตามลำดับ และมีแนวโน้มชะลอตัว โดยมีจุดติดตามที่บริเวณแนวรับ 1395 จุด หากต่ำกว่า จะเห็นภาพการชะลอตัวชัดขึ้น และมีแนวรับถัดไปที่ 1387 จุด
ประเด็นสำคัญ
• สรท. เผยส่งออกปี 2568 มีแนวโน้มขยายตัวลดลงจากปีก่อนจากศก. แนะใช้ประโยชน์และเร่งเจรจา FTA หนุนสนค. ประเมินนโยบายการค้าทรัมป์ 2.0 กดดัน ศก. ประเทศคู่ค้าสำคัญของไทย เช่น จีน ยุโรป ญี่ปุ่น
• กกพ. เร่งขับเคลื่อนไฟฟ้าสีเขียวรับนักลงทุน Data Center 1.73 แสนลบ. โดยการไฟฟ้าประกาศค่าไฟ UGT1 แล้วพร้อมเปิดลงทะเบียน 2 ม.ค. 2568 จำนวน 600 MW ส่วน UGT2 คาดเปิดรับสมัครได้กลางปี 2568 และ Direct PPA อยู่ระหว่างร่างเงื่อนไขหลักเกณฑ์ดำเนินงาน
• รมว. ท่องเที่ยวฯ เผยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ (1 ม.ค. – 29 ธ.ค. 2567) ที่ 35,321,592 คน เพิ่มขึ้น 26%YoY นำโดยจีน 6.70 ล้านคน, มาเลเซีย 4.93 ล้านคน และอินเดีย 2.12 ล้านคน
• ก.ล.ต. และ ThaiBMA ร่วมปรับปรุงข้อกำหนดสิทธิผู้ออกหุ้นกู้-ผู้ถือหุ้นกู้ รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้เพื่อให้สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ของ ก.ล.ต. มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 2568
• ยูเครนได้ยุติการส่งก๊าซฯ จากรัสเซียสู่ยุโรปในวันพุธ (1 ม.ค.) หลังจากข้อตกลงขนส่งก๊าซผ่านยูเครนระยะเวลาห้าปีหมดอายุลงเมื่อวานนี้
• ปธน. จีนเผยเชื่อ GDP ปี 2567 จะขยายตัว 5% บรรลุเป้าหมายที่รัฐบาลตั้งไว้ ขณะที่รัฐบาลกลางจีนสั่งรัฐบาลท้องถิ่นเร่งแจกเงินให้แก่กลุ่มประชาชนยากจนก่อนเข้าสู่ช่วงเทศกาลตรุษจีนในปลาย ม.ค. นี้
• ดัชนี PMI ภาคการผลิตของจีนเดือนธ.ค. ที่ 50.1 ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ส่วนดัชนี PMI ภาคบริการที่ 52.2 โดยดัชนีที่สูงกว่า 50 บ่งชี้ว่าภาคการผลิตและภาคบริการยังขยายตัว
• ติดตามทิศทางของเม็ดเงินกองทุน LTF ที่ครบกำหนดอายุในช่วงต้นปี 2568 ราว 2.4 แสนลบ. ซึ่งอาจเป็นแรงกดดันต่อดัชนีในช่วงต้นปี
กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET จะแกว่งตัวไซด์เวย์และมีความผันผวนสูง เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับแรงขายจากกองทุน LTF ที่จะครบกำหนดในช่วงต้นปี 2568 รวมทั้งยังต้องรอปัจจัยชั้นำใหม่ๆ ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีความชัดเจนเพิ่มเติม ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศยังคงต้องติดตามนโยบายการค้าของสหรัฐ รวมทั้งดัชนี PMI ภาคการผลิต ธ.ค. ของจีนและสหรัฐ ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy”
ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์
ช่วงสั้นมอง SET จะแกว่งตัวไซด์เวย์และผันผวนสูง เนื่องจากความกังวลแรงขายจากกองทุน LTF ที่จะครบกำหนดในช่วงต้นปี 2568 รวมทั้งยังต้องรอปัจจัยชั้นำใหม่ๆ กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy” ใน 2 ธีมหลักที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว และ 1 ธีม เทรดดิ้งระยะสั้น ดังนี้
1. หุ้นที่คาดได้อานิสงส์บวกจากรัฐออกมาตรการเศรษฐกิจเพื่อกระตุ้นการบริโภคในประเทศ ซึ่งในอดีตราคาหุ้นมักปรับตัวได้ดีอย่างน้อย 3 ใน 5 ปี แนะนำ กลุ่มพาณิชย์ (CRC HMPRO)
2. หุ้น Earnings Play ซึ่งมองราคาหุ้นยังไม่ได้ปรับขึ้นสะท้อนโมเมนตัมกำไร 4Q67 ที่คาดจะเติบโตดี YoY และ QoQ อีกทั้งยังมีศักยภาพการจ่ายปันผลได้สม่ำเสมอ เลือก GULF OSP AMATA AU TIDLOR BCP
3. Trading Idea : นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงอาจเก็งกำไรหุ้นที่คาดได้อานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน แนะนำ IVL PTTGC
DAILY TOP PICKS
PTTGC: มองเป็นหุ้นที่คาดได้อานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน ขณะที่ 4Q67 คาดกำไรปกติจะดีขึ้น QoQ แรงหนุนจาก Crack spread ที่ดีขึ้นของผลิตภัณฑ์ขั้นกลางจะช่วยหนุนให้ค่าการกลั่นปรับตัวเพิ่มขึ้น อีกทั้ง Valuation ไม่แพง โดยซื้อขาย PBV 2568F ที่ 0.4 เท่า (-2SD)
ADVANC: มองได้ประโยชน์จากการควบรวมกิจการในธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคมอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ 4Q67 คาดกำไรปกติจะเพิ่มขึ้น YoY แรงหนุนจากการแข่งขันทางด้านราคาที่เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น อีกทั้ง Valuation ในแง่ EV/EBITDA ยังไม่แพงเมื่อเทียบกับภูมิภาค
ข่าวเด่น