
ต้อนรับเข้าสู่ช่วงปี 2025 ปีที่เศรษฐกิจโลกยังคงอยู่ท่ามกลางความไม่แน่นอนรอบด้าน ซึ่งเต็มไปด้วยความท้าทายและโอกาสที่หลากหลายในเวลาเดียวกัน การเตรียมตัวตั้งรับและทำความเข้าใจกับสภาพแวดล้อมตั้งแต่ตอนนี้ จึงเป็นสิ่งที่สมควรมากที่สุด เพื่อผลลัพธ์ที่ดีในการทำธุรกิจให้ราบรื่นและมีประสิทธิภาพตลอดปีนี้
ด้วยเศรษฐกิจโลกที่เผชิญกับความเสี่ยงมากขึ้น จากนโยบายทรัมป์ 2.0 ที่ยังคงมีความไม่แน่นอน ทั้งด้านของการกีดกันการค้า การขึ้นภาษีนำเข้า และนโยบายอื่น ๆ มีส่วนสำคัญที่อาจทำให้การค้าและการลงทุนโลกเกิดความผันผวน ทั้งนี้ก็ยังมีประเด็นการเมืองระหว่างประเทศ และสถานการณ์ความไม่สงบที่ยังไม่สิ้นสุดโดยเฉพาะในแถบตะวันออกกลาง ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจของไทยทั้งทางตรงและทางอ้อม ที่อาจจะเผชิญได้ตั้งแต่เรื่องของค่าเงินบาทที่ผันผวน เงินทุนไหลออก การส่งออก หรือเรื่องของอัตราเงินเฟ้อที่อาจกลับมาเพิ่มสูงขึ้น จนกระทบต่อการบริโภคภาคเอกชน และเรื่องของอัตราดอกเบี้ย ความไม่แน่นอนต่าง ๆ นานานี้ ทำให้ความสามารถในการปรับตัวของธุรกิจ เป็นสกิลที่สำคัญในการรับมือกับความเสี่ยงดังกล่าว
ซึ่งด้วยพัฒนาการของเทคโนโลยี โดยเฉพาะ AI จะมีบทบาทสำคัญอย่างมากที่จะเข้ามาช่วยหาทางออกให้กับทุกปัญหาและเตรียมความพร้อมให้กับธุรกิจในสถานการณ์ต่าง ๆ เช่น Generative AI ที่สามารถวิเคราะห์ข้อมูลคาดการณ์ได้ล่วงหน้า การทำ Data Analytics เป็นฐานข้อมูลสำคัญทั้งสภาวะตลาด หรือพฤติกรรมผู้บริโภค ก็จะมีส่วนช่วยในกระบวนการตัดสินใจให้ธุรกิจสามารถดำเนินกิจการได้อย่างยืดหยุ่น และมีทางออกให้กับความเสี่ยงที่เข้ามาได้ตลอดเวลา ฉะนั้นการลงทุนด้านเทคโนโลยี AI จะมีความสำคัญอย่างมาก ที่จะทำให้ธุรกิจสามารถฝ่าด่านปี 2025 ได้อย่างราบรื่น โดยหากพิจารณารายงานจาก The World Ahead 2025 พบว่า 30% ของบริษัทอเมริกันขนาดใหญ่มีแผนลงทุนใน AI อย่างน้อย 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือเพิ่มขึ้น 16% จากปี 2024 โดยมีการประเมินว่าค่าใช้จ่ายด้านไอทีจะเพิ่มขึ้นเป็น 3.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เนื่องจากบริษัทต่างๆ ต้องการใช้ประโยชน์ AI มาเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินกิจการ
นอกจากนี้ พัฒนาการของ AI จะยังมีบทบาทที่สามารถยกระดับประสบการณ์ลูกค้า ที่สร้างความสัมพันธ์ และส่งผลต่อการภักดีในแบรนด์มากขึ้น ซึ่งในยุคปัจจุบันที่ลูกค้ามีตัวเลือกมากมาย จากสินค้าและบริการที่สามารถเข้าถึงได้อย่างทั่วโลก การสร้างความไว้วางใจ เช่นการสื่อสารกับมนุษย์ ในส่วนของการบริการทางการค้า ไม่ว่าจะเป็นช่องแชท, Voice AI ที่สามารถตอบโต้ได้อย่างธรรมชาติ รวมถึงบทบาทที่ช่วย Customize สินค้าได้ตรงใจลูกค้าเฉพาะบุคคล เช่น การเก็บข้อมูลลูกค้าและสามารถแนะนำสิ่งที่ลูกค้าชอบได้ ก็จะมีส่วนช่วยให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างมหาศาล
และทั้งนี้ ด้วยความก้าวหน้าของ AI ที่สามารถทำงานได้หลากหลาย รวมถึงการกลายเป็น Assistant หรือผู้ช่วยส่วนตัว เช่น การสามารถ Generate สิ่งใหม่ ๆ ขึ้นมาได้ ทั้งการเสนอไอเดีย คิดคอนเทนต์ สร้าง Storyboard ไปจนถึงการวิเคราะห์ข้อมูลทางการตลาด ก็ทำให้อุตสาหกรรมของครีเอเตอร์ หรือ Creator Economy มีการเติบโตทั่วโลก โดยรายงานของ Goldman Sachs คาดการณ์ว่า ปัจจุบันมีมูลค่าเม็ดเงินในวงการครีเอเตอร์มีมากกว่า 250,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และจะเพิ่มขึ้นเป็น 480,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2027 ขณะที่ในไทย ตอนนี้คาดว่ามีมูลค่าตลาดสูงถึง 45,000 ล้านบาท สะท้อนว่าวงการครีเอเตอร์ในไทยจะยังคงเติบโตอีกมาก (ปัจจุบันประเทศไทย มีครีเอเตอร์แบบ Part-Time ประมาณ 9 ล้านคน ในจำนวนนี้เป็นครีเอเตอร์มืออาชีพเต็มเวลา 2 ล้านคน จากทั่วโลกที่มีครีเอเตอร์อยู่ 200 ล้านคน) ซึ่งเติบโตสืบเนื่องมาจากผู้ใช้สื่อโซเชียลมีเดียที่เพิ่มมากขึ้น อีกทั้งยังมีความหลากหลายของแพลตฟอร์มออนไลน์ ทั้ง Youtube Instagram TikTok หรือแพลตฟอร์มมาแรงล่าสุดอย่าง Lemon 8 พฤติกรรมการรับสื่อของผู้บริโภคจึงมีความสนใจต่อเนื้อหาที่หลากหลายมากขึ้น ดังนั้นการพิจารณาใช้ Content Creator ทั้งการทำ PR การทำกิจกรรมทางการตลาด การโฆษณา รวมไปถึงรูปแบบของ Affiliate Marketing ที่โปรโมตสินค้าผ่าน ครีเอเตอร์ จะสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจอย่างมากเลยทีเดียว
ด้วยสภาพแวดล้อมทางธุรกิจของไทยที่ขึ้นอยู่กับต่างประเทศ เนื่องจากรูปแบบเศรษฐกิจที่เปิดและมีขนาดเล็ก การใช้ตัวช่วยอย่างเทคโนโลยี AI ที่มีความก้าวหน้าในปัจจุบัน จะมีส่วนสำคัญที่สามารถปกป้องธุรกิจจากภัยความเสี่ยงต่าง ๆ ขับเคลื่อนให้ธุรกิจดำเนินกิจการได้อย่างถูกที่ถูกทิศ และสามารถผ่านพ้นความไม่แน่นอนรอบด้านในปีนี้ไปได้อย่างไร้กังวล
ข่าวเด่น