การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) เผยเตรียมประชุมร่วมกับกรมประมงเพื่อกำหนดแนวทาง-หลักเกณฑ์รับซื้อปลาหมอคางดำ เฟส 2 เร่งดำเนินการรับซื้อปลาหมอคางดำภายในต้นเดือนกุมภาพันธ์ นี้ เตรียมส่งแปรรูปเป็นน้ำหมักชีวภาพใช้ในการเกษตร
ดร.เพิก เลิศวังพง ประธานกรรมการการยางแห่งประเทศไทย เผยว่า ได้รับนโยบายเร่งด่วนจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์) ให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรฯ เร่งแก้ปัญหาปลาหมอคางดำที่ยังคงมีการแพร่ระบาด โดย กยท. จะเข้ารับซื้อปลาหมอคางดำภายใต้โครงการผลิตน้ำหมักชีวภาพเพื่อเกษตรกรชาวสวนยาง ต่อเนื่องเป็นเฟส 2 โดยใช้งบประมาณเงินทุนหมุนเวียนจากทุน กยท. มาตรา 13 แผนปฏิบัติการดำเนินงานด้านธุรกิจ เป็นเงิน 12 ล้านบาท ซึ่งจะสามารถรับซื้อปลาหมอคางดำได้ 600,000 กก. โดย กยท. จะรับซื้อปลาหมอคางดำในราคา 15 บาท/กก. (จ่ายให้กับชาวประมงหรือผู้จับปลามาขาย) ส่วนค่าขนส่งและค่าบริหารจัดการรวบรวม 5 บาท/กก. (จ่ายให้กับผู้รวบรวมหรือแพปลาที่ขึ้นทะเบียนกับกรมประมงและสหกรณ์ประมงที่เข้าร่วมโครงการฯ โดยจะต้องนำส่งปลาให้ถึงโรงงานที่ กยท. ว่าจ้างในพื้นที่ จ.กาญจนบุรี) ทั้งนี้ กยท. เร่งดำเนินการตามขั้นตอนเพื่อให้สามารถรับซื้อปลาหมอคางดำได้เร็วที่สุด คาดว่าเริ่มรับซื้อได้ต้นเดือนกุมภาพันธ์นี้
นายสุขทัศน์ ต่างวิริยกุล รักษาแทนผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย กล่าวว่า กยท. มีความพร้อมในการดำเนินการรับซื้อปลาหมอคางดำเพื่อนำมาแปรรูปเป็นน้ำหมักชีวภาพ โดยในวันที่ 22 มกราคม 2568 กยท. เตรียมเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดปลาหมอคางดำครั้งที่ 1/2568 ร่วมกับกรมประมงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมหารือและกำหนดแนวทางการรับซื้อ หลักเกณฑ์ และหลักปฏิบัติของการเข้าร่วมโครงการ โดยแต่ละหน่วยงานจะเร่งประชาสัมพันธ์และสร้างความเข้าใจความเข้าใจแก่ผู้เข้าร่วมโครงการ ทั้งนี้ มั่นใจว่าจะเริ่มรับซื้อปลาหมอคางดำในราคา กก. ละ 15 บาท ได้ในต้นเดือนกุมภาพันธ์
นายสุขทัศน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการที่ กยท. รับซื้อปลาหมอคางดำเพื่อนำมาผลิตเป็นน้ำหมักชีวภาพในเฟสแรก (1-24 สิงหาคม 2567) สามารถช่วยลดปริมาณปลาหมอคางดำจากระบบนิเวศน์ถึง 581.44 ตัน (581,436.50 กก.) และสามารถผลิตน้ำหมักชีวภาพปลาหมอคางดำ ทั้งหมด 930,298.40 ลิตร โดย กยท. จัดสรรน้ำหมักชีวภาพปลาหมอคางดำให้กลุ่มเกษตรกรชาวสวนยางที่อยู่ในโครงการสนับสนุนแปลงใหญ่ยางพาราทั่วประเทศ ทั้งสิ้น 353 แปลง เกษตรกรสมาชิก จำนวน 14,552 ราย ซึ่งพบว่าชาวสวนยางที่นำน้ำหมักชีวภาพไปฉีดพ่น สามารถช่วยให้การเจริญเติบโตของต้นยางดี สามารถกรีดยางได้ง่ายขึ้น เนื่องจากผิวหน้ายางนิ่ม และมีปริมาณน้ำยางไหลเพิ่มขึ้น ช่วยเกษตรกรได้รับผลผลิตยางเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ มีเกษตรกรนำไปใช้ในสวนทุเรียน ทำให้ต้นทุเรียนที่เสียหายจากน้ำท่วมฟื้นคืนกลับมาแข็งอย่างรวดเร็ว
ข่าวเด่น