เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2568 ที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ถือได้ว่ามีความคึกคักอย่างมาก เนื่องจากมีคนเดินทางเข้ามารอชมบ้านและห้องชุดตัวอย่างของโครงการ “บ้านเพื่อคนไทย” โครงการที่ดำเนินการตามนโยบายของภาครัฐ ที่สนับสนุนให้คนไทยได้มีบ้านเป็นของตนเอง และส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยในเฟสแรกนี้ ได้นำร่องโครงการ 4 ทำเล บนพื้นที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ประกอบด้วย พื้นที่บางซื่อ กม. 11 พื้นที่ธนบุรี(ศิริราช) พื้นที่เชียงรากจังหวัดปทุมธานี และพื้นที่เชียงใหม่
ทางด้านนายกรัฐมนตรี “แพทองธาร ชินวัตร” ได้กล่าวในงานเปิดโครงการว่า ตอนนี้มีคนไทยมากกว่า 5,780,000 ครอบครัว หรือคิดเป็นเกือบร้อยละ 30 ไม่มีบ้านเป็นของตนเอง รัฐบาลจึงเดินหน้าช่วยเหลือประชาชนผ่านการดำเนินนโยบายต่าง ๆ ที่จะดูแลประชาชนทุกกลุ่ม ให้สามารถเข้าถึงสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ซึ่งในโครงการบ้านเพื่อคนไทยนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือกลุ่มเด็กจบใหม่ที่เพิ่งเริ่มทำงาน หรือ First Jobber และผู้มีรายได้น้อยที่กำลังเก็บเงินซื้อบ้าน ให้มีโอกาสได้ถือครองและมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองบนทำเลใกล้กับรถไฟฟ้า เพื่อประหยัดเวลาการเดินทางไปทำงาน และได้อยู่อาศัยอย่างปลอดภัย
โดยตัวโครงการ จะเป็นการใช้ประโยชน์จากพื้นที่ของ รฟท. ที่ดินศักยภาพสูงที่เคยรกร้างว่างเปล่าหรือถูกใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตประมาณ 25 พื้นที่ทั่วไทย ให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจด้วยการสร้างเป็นที่พักอาศัยทั้งในรูปแบบคอนโดมิเนียมและบ้านเดี่ยว แต่ในช่วงแรก ณ ปัจจุบันนี้ จะเปิดโครงการใน 4 ทำเลด้วยกัน ได้แก่
1. ย่านบางซื่อ กม.11 ตั้งอยู่ซอยวิภาวดี 11 เขตจตุจักร ติดถนนกำแพงเพชร ห่างจากสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ 2.5 กม. ห่างจากเซ็นทรัลลาดพร้าว 500 ม. และห่างจาก MRT พหลโยธิน 500 ม.
2. ย่านธนบุรี (ศิริราช) บริเวณตลาดศาลาน้ำร้อน ห่างจากรถไฟฟ้าสายสีทองกับสีส้ม 800 ม.
3. พื้นที่เชียงราก จ.ปทุมธานี ใกล้สถานีรถไฟเชียงราก 4.4 กม. ห่างจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต 4.4 กม.
4. พื้นที่ใน จ.เชียงใหม่ บริเวณที่ดินเปล่าตรงข้ามสถานีรถไฟเชียงใหม่ ถ.เจริญเมือง ห่างจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ 7.5 กม.
แปลนคอนโดบนพื้นที่ กม.11, ธนบุรี และเชียงรากของโครงการบ้านเพื่อคนไทย
แปลนบ้านบนพื้นที่เชียงใหม่ของโครงการบ้านเพื่อคนไทย
โดยในตอนนี้ ได้เปิดให้ประชาชนที่สนใจสามารถเข้ามาชมบ้านตัวอย่าง รวมถึงจองสิทธิได้ตั้งแต่วันนี้ - 31 มกราคม 2568 ที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ทุกวันในเวลา 10.00 - 21.00 น. หรือสามารถลงทะเบียนจองสิทธิทางออนไลน์ได้แล้วที่ www.บ้านเพื่อคนไทย.th โดยโครงการระยะแรก 10 ทำเลนี้ จะมีเกือบ 5,000 ยูนิต ซึ่งรูปแแบบที่อยู่อาศัย ในเชียงใหม่จะเป็นลักษณะบ้านเดี่ยว พื้นที่เกือบ 50 ตารางวา มีทั้งสิ้น 35 ยูนิตด้วยกัน ส่วนอีก 3 พื้นที่ ได้แก่ กม.11, ธนบุรี และเชียงราก จะเป็นลักษณะของคอนโดมิเนียมสูง 8 ชั้น และ 12 ชั้น ขนาด 30 - 50 ตารางเมตร
สำหรับเงื่อนไขในการเข้าร่วมโครงการ และคุณสมบัติของผู้มีสิทธิจองได้แก่
• เป็นผู้มีสัญชาติไทย
• เป็นผู้บรรลุนิติภาวะ ณ วันลงทะเบียน
• เป็นผู้ที่มีรายได้ ไม่เกิน 50,000 บาท ต่อเดือน
• ต้องไม่เคยมีบ้านหลังแรก หรือไม่เคยมีกรรมสิทธิ์ในอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างที่อาจใช้พักอาศัยได้ทุกประเภท
• ต้องไม่เคยได้สิทธิในโครงการบ้านเพื่อคนไทย
โดยผู้ซื้อสิทธิ 1 ท่าน มีสิทธิจองอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างได้ 1 หน่วย ต่อ 1 โครงการเท่านั้น ห้ามโอนสิทธิในโครงการบ้านเพื่อคนไทยภายในระยะเวลา 5 ปี นับแต่วันจดทะเบียนสิทธิ และห้ามนำที่อยู่ในโครงการไปให้ผู้อื่นใช้ประโยชน์ เว้นแต่เป็นการใช้เพื่อประโยชน์ของสมาชิกในครอบครัวของผู้ซื้อสิทธิ ซึ่งสำหรับการได้สิทธิโดยสมบูรณ์ จะผ่านกระบวนการที่หลังจากได้ลงทะเบียนจองสิทธิไปแล้วนั้น ระบบจะมีการส่งข้อมูลให้ธนาคารตรวจสอบถึงคุณสมบัติ เมื่อผ่านจะมีการนำเข้าสู่กองสลากเพื่อสุ่มผู้ได้รับสิทธิอีกที
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่าโครงการนี้ได้รับการตอบรับจากประชาชนเป็นอย่างดี เพราะเพียงแค่ชั่วโมงแรก มีคนให้ความสนใจลงทะเบียนจองสิทธิกว่า 12 ล้านคน จนเว็บล่ม และภายในระยะเวลาไม่ถึง 24 ชั่วโมงหลังการเปิดจอง มีผู้เข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์แล้วกว่า 31 ล้านครั้ง ทั้งนี้ยังได้กล่าวยืนยันถึงเป้าหมายในเฟสต่อไปว่า จะมีการสร้างบ้านเพื่อคนไทย รวมทั้งสิ้นจำนวน 300,000 ยูนิต กระจายอยู่ทั่วประเทศไทย เพื่อส่งผลให้คนไทยสามารถเป็นเจ้าของที่พักอาศัยได้บนที่ดินของรฟท. ที่สามารถเดินทางได้อย่างสะดวก
สำหรับโครงการบ้านเพื่อคนไทยในเฟสแรกนี้ นับเป็นโครงการที่อยู่อาศัยที่มีทำเลอยู่บนพื้นที่ศักยภาพ สะดวกต่อการเดินทาง อีกทั้งยังมีจุดเด่นที่จะเชื่อมโยงกับโครงการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายในอนาคตอีกด้วย แต่ทั้งนี้ผู้ซื้อโครงการดังกล่าวจะมีกรรมสิทธิ์ระยะเวลา 99 ปี หรือก็คือ Leasehold แต่กฎหมายปัจจุบันยังให้ต่อทุก 30 ปี ซึ่งตรงนี้อยู่ในระหว่างการแก้ข้อกฎหมาย ส่วนด้านของบุคคลที่ได้รับสิทธิ คาดว่าจะประกาศภายใน 3 เดือน และสามารถเริ่มก่อสร้างได้ต่อไปทันที โดยจะเริ่มก่อสร้างก่อนที่บางซื่อ กม.11 และสามารถเข้าอยู่ได้บางส่วนในช่วงกลางปี 2569
ข่าวเด่น