เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
บล อินโนเวสท์วิเคราะห์ "กรอบบนจำกัดแถว 1360-1365 จุด"


 

แม้คาด SET ยังได้แรงหนุนจากเงินบาทที่แข็งค่า เป็นบวกต่อ Fund Flow อย่างไรก็ตาม ยังต้องติดตามถึงนโยบายต่างๆ ของทรัมป์  ซึ่งคาดทำให้ตลาดมีความผันผวน ทำให้มองกรอบบนยังถูกจำกัดที่แนวต้าน 1360-1365 จุด ส่วนกรอบล่างมีแนวรับ 1345 และจุดติดตามบริเวณ 1340 จุด หากต่ำกว่ากลับมาเป็นสัญญาณลบ

ประเด็นสำคัญ

• เฟดเริ่มเข้าสู่ช่วง Blackout Period ก่อนการประชุม FOMC ครั้งแรกของปี 2568 ในวันที่ 28-29 ม.ค. โดยล่าสุด FedWatch Tool ชี้ว่ามีโอกาสสูงที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 4.25-4.50%

• ปธน. ทรัมป์เพิกถอนคำสั่งบริหารปี 2567 ที่กำหนดให้การพัฒนา AI ที่อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อสหรัฐฯ ต้องแบ่งปันผลการทดสอบแก่รัฐบาลก่อนเผยสู่สาธารณะ ตามกฎหมาย Defense Production Act (DPA) เนื่องจากมองว่าเป็นอุปสรรคต่อนวัตกรรมด้าน AI

• ปธน. ทรัมป์ประกาศแผนลงทุน 5 แสนล้านดอลลาร์พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI และสร้าง Data Center ในระยะ 4 ปีข้างหน้า แก่ Stargate ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนโดย OpenAI, Softbank และ Oracle 

• ที่ประชุมครม. มีมติให้จัดทำฐานข้อมูลผู้สูงอายุตามสิทธิ/สวัสดิการที่จะรับรายบุคคลเพื่อขับเคลื่อนงานด้านผู้สูงอายุ เพื่อนำมากำหนดนโยบายสำหรับผู้สูงอายุและกำหนดหลักเกณฑ์การจ่ายเบี้ยยังชีพ

• ครม. อนุมัติหลักการแนวทางจัดเก็บภาษีคาร์บอนในโครงสร้างภาษีสรรพสามิตน้ำมัน โดยเป็นการปรับเปลี่ยนโครงสร้างภาษีภายในซึ่งไม่กระทบต่อราคาปลีก และกำหนดราคาภาษีคาร์บอนที่ 200 บาท/ตัน

• จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยสะสมระหว่างวันที่ 1-19 ม.ค. 2568 ที่ 2,139,901 คน หรือเพิ่มขึ้น 18.6%YoY หนุนจากนักท่องเที่ยวระยะใกล้ โดยเฉพาะจีน ขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวระยะไกลเริ่มชะลอตัว

• กรมสรรพสามิตเตรียมเดินหน้าการจัดเก็บภาษีความเค็มโดยจะเริ่มจากขนมขบเคี้ยวก่อน คาดจะมีความชัดเจนภายในปี 2568 สอดคล้องกับ WHO ที่แนะนำไทยควรลดการบริโภคโซเดียมลง 30% และการจัดเก็บภาษีความหวานที่ประสบความสำเร็จและช่วยลดการบริโภคน้ำตาล

กลยุทธ์การลงทุน

ช่วงสั้นมอง SET มีแนวโน้มฟื้นตัวในกรอบแคบ โดยมีแนวต้านสำคัญที่บริเวณ 1400 จุด ทั้งนี้แม้มองปัจจัยภายนอกจากภาพเศรษฐกิจและแนวโน้มดอกเบี้ยมีท่าทีดีขึ้น รวมถึงผลประกอบการ 4Q67 ของ บจ. ในสหรัฐฯ มีแนวโน้มออกมาแข็งแกร่ง และท่าทีของว่าที่ปธน. สหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ต่อการปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าอย่างค่อยเป็นค่อยไปยังทำให้ตลาดคลายกังวลได้ในระดับนึง แต่อย่างไรก็ดี ปัจจัยภายในประเทศ (นอกเหนือจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ) ยังมีแนวโน้มเปราะบางจากการขาดความเชื่อมั่นด้านการลงทุน ทำให้ตลาดหุ้นไทยอาจฟื้นตัวได้ช้ากว่าตลาดหุ้นในต่างประเทศ อีกทั้งกระแสเงินของนักลงทุนต่างชาติยังไม่มีสัญญาณกลับมาซื้อหุ้นไทยอย่างมีนัยฯ ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy”
 
ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์

มอง SET มีโอกาสฟื้นแต่ภาพรวมยังเปราะบางหลังไร้ปัจจัยหนุนใหม่ กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy” ใน 3 ธีมหลักที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว และ 1 ธีมเทรดดิ้งระยะสั้น ดังนี้

1. หุ้นที่คาดได้อานิสงส์บวกจากการเข้าสู่บรรยากาศจับจ่ายใช้สอยในช่วงเทศกาลตรุษจีน อีกทั้งมาตรการกระตุ้นการบริโภคจะเริ่มมีผลบังคับใช้ เช่น นำค่าซื้อสินค้ามาลดหย่อนภาษี (Easy E-Receipt) ในช่วง 16 ม.ค.-28 ก.พ. 68 และแจกเงินหมื่นเฟส 2 ให้ผู้สูงอายุในวันที่ 27 ม.ค. นี้ แนะนำ กลุ่มพาณิชย์ (CRC HMPRO CPALL TNP) กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค (CBG OSP) กลุ่มท่องเที่ยว (MINT AOT) กลุ่มเนื้อสัตว์ (CPF BTG)

2. นักลงทุนที่ต้องการหุ้นปันผลสูงซึ่งคาดมีเงินปันผลจ่ายที่เหลือจากกำไรปี 2567 คิดเป็น Div. Yield เกิน 3% เพื่อสร้างกระแสเงินสดให้แก่พอร์ตลงทุน แนะนำ AP KTB BBL PTT

3. หุ้น Earnings Play ซึ่งมองราคาหุ้นยังไม่ได้ปรับขึ้นสะท้อนโมเมนตัมกำไร 4Q67 ที่คาดจะเติบโตดี YoY และ QoQ อีกทั้งยังมีศักยภาพการจ่ายปันผลได้สม่ำเสมอ เลือก ADVANC TRUE AMATA AWC AU 

4. Trading Idea: นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงอาจเก็งกำไรในหุ้นที่คาดได้อานิสงส์จากการปรับขึ้นของราคาน้ำมันในตลาดโลก หลังสหรัฐฯ ประกาศคว่ำบาตรรัสเซียกระทบอุปทานน้ำมัน เลือก PTTEP

DAILY TOP PICKS

DELTA: 4Q67 คาดจะเป็นบริษัทเดียวที่รายงานกำไรปกติเติบโต YoY ในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ที่เราดูแลอยู่ เนื่องจากได้ประโยชน์จากวัฏจักรการเติบโตของ AI และอัตรากำไรขั้นต้นยังคงแข็งแกร่งหลังมีรายได้จากผลิตภัณฑ์มาร์จิ้นสูงที่พัฒนาโดย DELTA Thailand ซึ่งไม่ต้องจ่ายค่า Royalty Fee ให้กับ DELTA Taiwan ในสัดส่วนสูง ทั้งนี้แนะนำราคาเข้าซื้อเก็งกำไรวันนี้ไม่เกิน 144.50 บาท

CBG: ระยะสั้นราคาหุ้นได้ปัจจัยหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่วนแบ่งตลาดมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าปี 2568 ที่ 29% จากใน ก.ย. 2567 และปี 2566 ที่ 25.8% และ 23% ตามลำดับ คาดกำไรสุทธิ 4Q67 จะเติบโต YoY แต่ทรงตัว QoQ และคาดเติบโตเป็นเลขสองหลักในปี 2568 หนุนจากต้นทุนน้ำตาลและอลูมิเนียมที่มีแนวโน้มปรับลง
 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 22 ม.ค. 2568 เวลา : 12:03:03
22-01-2025
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ January 22, 2025, 4:01 pm