(-) ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสปรับลดลง หลังวานนี้ (4 ก.พ. 68) กระทรวงการคลังของจีนแถลงตอบโต้นโยบายกำแพงภาษีของสหรัฐฯ โดยประกาศจัดเก็บภาษีนำเข้าน้ำมันดิบจากสหรัฐฯ10% ขณะที่การนำเข้า LNG และถ่านหินจากสหรัฐฯ จะถูกเรียกเก็บภาษีกว่า 15% มีผลบังคับใช้ในวันที่ 10 ก.พ. 68 เป็นต้นไป ส่งผลให้ตลาดกังวลว่าความตึงเครียดด้านการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ จะทำให้อุปสงค์น้ำมันเชื้อเพลิงลดลง เป็นปัจจัยกดดันต่อราคาน้ำมันดิบ
(+) อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันดิบยังคงได้รับแรงหนุน หลังจาก นาย โดนัล ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เริ่มกลับมาใช้มาตรการคว่ำบาตรต่ออิหร่านอีกครั้ง โดยมีนโยบายผลักดันให้การส่งออกน้ำมันดิบจากอิหร่านกลับมาเป็นศูนย์ หลังจากที่มีการผ่อนคลายนโยบายดังกล่าวไปในช่วงรัฐบาลของโจ ไบเดน ส่งผลให้ตลาดกังวลต่ออุปทานน้ำมันดิบโลก โดยอิหร่านถือเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่อันดับที่สามในกลุ่ม OPEC ซึ่งมีกำลังการผลิตกว่า 3.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน หรือ 3% ของอุปทานน้ำมันดิบโลก
(-) หลังตลาดปิดสถาบันปิโตรเลียมด้านพลังงานสหรัฐฯ (API) รายงานปริมาณ น้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์สิ้นสุด วันที่ 31 ม.ค. 68 ปรับเพิ่มขึ้นกว่า 5.03 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่ นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะปรับเพิ่มขึ้น 3.17 ล้านบาร์เรล
ราคาน้ำมันเบนซิน
ราคาน้ำมันเบนซินปรับลดมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังตัวเลขปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังของสหรัฐฯ ปรับเพิ่มกว่า 5.43 ล้านบาร์เรล เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้า ซึ่งสวนทางที่ตลาดคาดว่าจะปรับลดลง 0.3 ล้านบาร์เรล อย่างไรก็ดีราคายังคงได้รับแรงหนุนจากคาดการณ์ตัวเลขการส่งออกน้ำมันเบนซินของจีนใน ก.พ 68 ที่มีแนวโน้มลดลงจากอุปสงค์ของประเทศที่สูงขึ้นในช่วงเทศกาลตรุษจีน
ราคาน้ำมันดีเซล
ราคาน้ำมันดีเซลปรับลดมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังได้รับแรงกดดันจากมาตรการตอบโต้ของจีนโดยการขึ้นภาษีนำเข้าน้ำมันดิบจากสหรัฐฯ ขณะที่กิจกรรมการซื้อขายล่วงหน้าในตลาดชะลอตัวลงมากที่สุดในรอบ 2 เดือน แสดงความความอ่อนแอของอุปสงค์น้ำมันดีเซลในภูมิภาค
ข่าวเด่น