เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
บล อินโนเวสท์วิเคราะห์ "จับตาถ้อยแถลงทรัมป์"


คาด SET ผันผวน จับตาถ้อยแถลง ปธน. ทรัมป์ ต่อสภาคองเกรสช่วงเช้าวันนี้ (ตามเวลาไทย) อาจมีเซอร์ไพรส์แบบไม่คาดคิด ส่วนประเด็นในประเทศ ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อ ก.พ. ขณะที่ดัชนียังทำ Low ต่อ แม้อาจรีบาวด์ได้บ้าง แต่ยังมองกรอบบนจำกัด ประเมินแนวรับที่ 1170 - 1165 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1185 - 1190 จุด

ประเด็นสำคัญ

• แคนาดาประกาศตอบโต้ด้วยการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ ในอัตรา 25% มีผลตั้งแต่ 4 มี.ค. ขณะที่จีนเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ บางรายการเพิ่มอีก 10% - 15% มีผลตั้งแต่ 10 มี.ค. พร้อมหยุดนำเข้าถั่วเหลืองจาก 3 บริษัทสหรัฐฯ ชั่วคราว ส่วนเม็กซิโกจะประกาศการตอบโต้มาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ในวันอาทิตย์นี้

• เช้าวันนี้ (9 โมงเช้า เวลาไทย) ติดตามการกล่าวสุนทรพจน์ของ ปธน. ทรัมป์ในสภาคองเกรสเป็นครั้งแรกหลังจากที่ได้เข้ารับตำแหน่ง เพื่อจับตาทิศทางการดำเนินนโยบายทางการเมืองและการค้า

• สหภาพยุโรปกำลังหารือการออกพันธบัตรมูลค่า 1.5 แสนล้านยูโรเพื่อสนับสนุนยูเครน ขณะที่สหรัฐฯ ได้สั่งยุติการช่วยเหลือทางทหารแก่ยูเครน ส่วนรัสเซียประกาศจะช่วยเหลือปธน. ทรัมป์ในการเจรจากับอิหร่านรวมถึงประเด็นนิวเคลียร์

• Reuters รายงานว่าสหรัฐฯ มีแผนนำไปสู่การคลายคว่ำบาตรรัสเซีย หลังมีคำสั่งให้พิจารณารายชื่อบริษัทรัสเซียที่สามารถผ่อนปรนได้ก่อนที่จะมีการหารือกับผู้แทนรัสเซียในอีกไม่กี่วันข้างหน้า

• ปธน. ทรัมป์ ได้แจ้งต่อผู้นำญี่ปุ่นและจีนว่าทั้งสองประเทศไม่สามารถลดค่าเงินได้อย่างต่อเนื่องและไม่เป็นธรรมต่อสหรัฐฯ และอาจขอชดเชยความเสียเปรียบด้วยการเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากทั้งสองประเทศ

• รมช. คลังมอง SET Index ที่ปรับลงอย่างต่อเนื่องเป็นจังหวะเข้าซื้อ เนื่องจากพื้นฐานเศรษฐกิจไทยยังไม่เปลี่ยนแปลงและยืนยันตัวเลขเศรษฐกิจไทยเกือบทุกตัวอยู่ในช่วงขาขึ้น เช่น การบริโภค การส่งออก และตัวเลขเสถียรภาพทางการเงินที่เติบโตต่อเนื่อง โดยจะส่งผลต่อเศรษฐกิจใน 1Q68 ซึ่งจะเป็นหลักฐานเชิงประจักษ์

กลยุทธ์การลงทุน

ช่วงสั้นมอง SET ฟื้นตัวจำกัด จากความกังวลเสถียรภาพทางการเมืองในประเทศและการเติบโตของเศรษฐกิจไทยที่อยู่ในระดับต่ำและฟื้นตัวช้าเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน อย่างไรก็ดี หากเปรียบเทียบในเชิง Valuation จะพบว่า ระดับ PER ของ SET ที่ 12-13 เท่า อาจจะดูเหมือนสูงกว่าตลาดหุ้นในภูมิภาค แต่มองว่าสัดส่วนภาคบริการของไทยมีมากกว่าเมื่อเทียบกับตลาดอื่นๆ ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐยังแข็งแกร่ง แม้จะมีสัญญาณชะลอตัวลงแต่จะได้รับแรงหนุนจากการปรับลดดอกเบี้ยของเฟดเช่นเดียวกับธนาคารกลาง ECB ที่ตลาดคาดจะมีมติปรับลดดอกเบี้ย 25bps สู่ 2.50% ส่วนเศรษฐกิจจีนยังได้รับแรงสนับสนุนจากมาตรการของรัฐ ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy”

ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์

มอง SET จะฟื้นตัวจำกัด กังวลปัจจัยในประเทศและสงครามการค้า กลยุทธ์ลงทุนแนะนำให้ “Selective Buy” ใน 3 ธีมหลักที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว และ 2 ธีมเทรดดิ้งระยะสั้น ดังนี้

1. หุ้น Undervalued เป็นหุ้น SET100 ที่คาดเป็นเป้าหมายกองทุน โดย 1) ปี 2568 คาดกำไรสามารถเติบโตได้ 2) ฐานะการเงินแข็งแกร่งและมีโอกาสซื้อหุ้นคืน (มี PBV < 1 เท่า) 3) Valuation ไม่แพง (PER และ PBV 2568F ต่ำกว่า -1SD) 4) SETESG Rating ระดับ A-AAA และมีศักยภาพจ่ายปันผลสม่ำเสมอ แนะนำ CPALL BDMS MTC MINT BTG

2. หุ้นปันผลคุณภาพดี โดย 1) มีสถิติจ่ายปันผลต่อเนื่อง 20 ปีขึ้นไป และมี SETESG Rating ระดับ A-AAA 2) คาดจ่ายเงินปันผลจากกำไรปี 2567 หลังหักปันผลระหว่างกาลแล้ว ยังให้ Div. Yield เกิน 4% และ Div. Payout Ratio มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นหรือทรงตัว และ 3) ปี 2568 ผลประกอบการยังแข็งแกร่ง และราคาหุ้นยังมี Upside เกิน 15% แนะนำ AP KTB BBL PTT SPALI KBANK

3. หุ้น Earnings Play ซึ่งมองราคาหุ้นยังไม่ได้สะท้อนกำไร 1Q68 ที่คาดจะเติบโต YoY และ QoQ และมีศักยภาพจ่ายปันผลสม่ำเสมอ เลือก ADVANC TRUE AMATA TIDLOR MTC AU HTC

4. Trading Idea: นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้แนะนำเก็งกำไร 1) หุ้นที่คาดได้อานิสงส์ดอกเบี้ยขาลง แนะนำ กลุ่ม REITs (LHHOTEL DIF), กลุ่มค้าปลีก (CPALL CPAXT) กลุ่มอสังหาฯ (AP SIRI), กลุ่มธนาคาร (TISCO KKP), กลุ่มเช่าซื้อ (MTC TIDLOR) และกลุ่มไฟฟ้า (GULF GPSC) และ 2) หุ้นที่คาดได้ Sentiment บวกจากงาน Opp. Day ซึ่งคาดโทนประชุมเป็นบวกในสัปดาห์หน้า CPALL BCP AMATA KLINIQ

DAILY TOP PICKS

‎BTG: มองราคาหุ้นมีปัจจัยกระตุ้นจากการปรับตัวลงของต้นทุนอาหารสัตว์ (ข้าวโพด กากถั่วเหลือง) จากความกังวลสงครามการค้าและผลผลิตในอเมริกาใต้ที่อุดมสมบูรณ์ กำไรปกติ 1Q25 คาดจะเติบโต YoY และ QoQ จากราคาสุกรในประเทศปรับสูงขึ้น ต้นทุนอาหารสัตว์ลดลง และจะรับรู้กำไรส่วนเพิ่มจากการเข้าซื้อกิจการไข่ไก่ในประเทศสิงคโปร์

GPSC: มองราคาหุ้นมีปัจจัยกระตุ้นระยะสั้นจากการปรับตัวลงของราคาก๊าซ ขณะที่ปี 2568 คาดกำไรปกติจะเติบโต 3.9%YoY โดยมีปัจจัยหนุน ได้แก่ การเพิ่มกำลังการผลิต, การได้รับการคัดเลือกโครงการพลังงานทดแทนระยะที่ 2 รอบแรก, ไม่มีผลกระทบจากการบังคับใช้ภาษีขั้นต่ำสากล
 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 05 มี.ค. 2568 เวลา : 11:30:40
10-04-2025
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 10, 2025, 2:16 am