นายอธิศ รุจิรวัฒน์ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ ด้านกรุงศรีคอนซูมเมอร์ เปิดเผยว่า ด้วยความท้าทายต่างๆ ทั้งสภาวะทางเศรษฐกิจที่ยังคงฟื้นตัวช้า หนี้ครัวเรือนอยู่ระดับสูงกระทบกำลังซื้อของประชาชน การผิดนัดชำระหนี้และหนี้เสียที่ยังคงอยู่ระดับสูง ทำให้ทิศทางการดำเนินธุรกิจในปี 2568 ของ กรุงศรี คอนซูมเมอร์ จะมุ่งเน้นกลับไปเพิ่มรายได้ที่ดีให้มากขึ้น เพื่อให้เราสามารถก้าวไปได้มากกว่านี้และคงความเป็นผู้นำในธุรกิจได้ต่อไป โดยจะมุ่งเน้นสร้างรายได้เพิ่มในส่วนของสินเชื่อส่วนบุคคล (Personal Loan: P-Loan) และสินเชื่อผ่อนชำระ
แต่ทั้งนี้การเพิ่มศักยภาพในการสร้างรายได้ ในส่วนสินเชื่อส่วนบุคคล และสินเชื่อผ่อนชำระนั้น จะต้องมีการบริหารความสมดุลระหว่างการสร้างรายได้และความเสี่ยงเรื่องคุณภาพสินเชื่อ เพื่อให้เป็นสินเชื่อที่ดีเติบโตไปอย่างมีคุณภาพ ในอนาคตไม่กลายเป็นหนี้ด้อยคุณภาพ ซึ่งที่ผ่านมาก็ถือว่าทีมวิเคราะห์สินเชื่อของกรุงศรี คอนซูมเมอร์ และการดูแลใส่ใจคุณภาพสินเชื่อของลูกค้าทำได้ดี ทำให้หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) หรือหนี้ที่ค้างชำระเกิน 90 วัน ในส่วนสินเชื่อส่วนบุคคล ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในธุรกิจ โดยอยู่ที่ 2.6% ขณะที่ตลาด 3.9% ส่วน NPL บัตรเครดิต อยู่ที่ 1.1% เท่านั้น ต่ำกว่าตลาดที่อยู่ 2.6% ซึ่งเป็นผลจากการบริหารความเสี่ยงที่รัดกุม และปีนี้คงต้องบริหารความเสี่ยงที่รัดกุมยิ่งขึ้นภายใต้สภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ดีและประชาชนมีหนี้ครัวเรือนสูง ซึ่งถือเป็นความเสี่ยงที่จะเกิดหนี้เสียได้ง่าย โดยตั้งเป้า NPL ปีนี้ ต้องไม่สูงเกินปีก่อน ซึ่งปัจจุบันอัตราการอนุมัติสินเชื่อส่วนบุคคล อยู่ที่ 30% และการปฎิเสธสินเชื่อ อยู่ที่ 70% ส่วนบัตรเครดิต อัตราการอนุมัติ อยู่ที่ 40% และการปฎิเสธสินเชื่อ อยู่ที่ 60%
“คงต้องไปดูว่าเราจะทำอะไรเพิ่มเติมกับลูกค้าเก่าที่เรามีอยู่ในพอร์ต เพราะเรามีฐานข้อมูลของเขาอยู่แล้ว ส่วนลูกค้ารายใหม่คงต้องระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อ โดยพิจารณาและวิเคราะห์ลูกหนี้อย่างละเอียด โดยลูกค้ารายใหม่จะเน้นที่มีรายได้ประจำจากเงินเดือน ซึ่งการที่เรามุ่งเน้นรายไ่ด้จากสินเชื่อส่วนบุคคลเพิ่มขึ้น จะทำให้สัดส่วนพอร์ตสินเชื่อส่วนบุคคลในปีนี้มีสัดส่วนที่สูงขึ้น จากเดิมพอร์ตสินเชื่อส่วนบุคคลและพอร์ตสินเชื่อบัตรเครดิตจะอยู่ระดับเท่ากันประมาณ 50 : 50 “ นายอธิศกล่าว
นายอธิศกล่าวต่อไปว่า การมุ่งเน้นสร้างการเติบโตอย่างมีคุณภาพ พร้อมเพิ่มศักยภาพในการสร้างรายได้ จะยึดความต้องการของลูกค้าเป็นศูนย์กลาง ผ่าน 5 กลยุทธ์หลัก
1. มุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์หลักให้ตอบโจทย์ลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น โดยมุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์บัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล และสินเชื่อผ่อนชำระ ให้มีจุดเด่นและสิทธิประโยชน์ที่ตอบโจทย์ลูกค้ายิ่งขึ้น พร้อมวางช่องทางการตลาดและการจำหน่ายที่เหมาะสม เช่น การปรับสิทธิประโยชน์หลักของบัตรเครดิตในกลุ่มกรุงศรี คอนซูมเมอร์ เช่น บัตรเครดิต กรุงศรี, บัตรกรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ ให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายยิ่งขึ้น
2. ขยายระบบนิเวศพันธมิตรเพื่อขยายธุรกิจ โดยขยายความร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ ทั้งพันธมิตรหลักที่ร่วมออกผลิตภัณฑ์บัตรเครดิต ซึ่งอาจต่อยอดความร่วมมือในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ ๆ เช่น ปรับโฉมบัตรเครดิตเซ็นทรัล เดอะวันใหม่ รวมถึง พันธมิตรแบรนด์ชั้นนำอื่น ๆ ที่จะร่วมนำเสนอโปรโมชันที่ตอบไลฟ์สไตล์ของลูกค้าในทุกหมวดการใช้จ่าย โดยเน้นหมวดร้านอาหาร และแผนผ่อนชำระซึ่งจะขยายหมวดร้านค้าบริการให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น เช่น ร้านแว่นชั้นนำ, สัตว์เลี้ยง, สินค้า Luxury และค่าส่วนกลางที่อยู่อาศัย
3. สร้างเสริมนวัตกรรมทางการชำระเงิน พัฒนานวัตกรรมทางการชำระเงินเพื่อเป็นทางเลือกในการชำระเงินที่สะดวกสบายยิ่งขึ้นให้กับลูกค้า ผ่านความร่วมมือกับผู้ให้บริการชั้นนำระดับโลก เพื่อรักษาความเป็นบัตรเครดิตหลักที่ลูกค้าเลือกใช้อย่างต่อเนื่อง
4. ผสานความร่วมมือในเครือกรุงศรีเพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจ โดยผสานความร่วมมือให้สอดคล้องและส่งเสริมเป้าหมายทางธุรกิจของเครือกรุงศรี เช่น ร่วมออกแบบสิทธิประโยชน์ของบัตรเครดิตให้ตรงกับความต้องการของลูกค้ากลุ่ม Wealth ของธนาคาร, การนำเสนอบัตรเครดิตองค์กรให้กับลูกค้า SME หรือ Corporate Banking, การส่งเสริมให้ลูกค้าใช้ผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่หลากหลายในเครือกรุงศรี เป็นต้น
5. พัฒนาประสิทธิภาพการดำเนินงาน โดยวางโครงสร้างและการบริหารทรัพยากรของหน่วยงานสนับสนุนให้สอดคล้องกับทิศทางธุรกิจในอนาคตของกรุงศรี คอนซูมเมอร์ เพื่อลดค่าใช้จ่าย และพัฒนาประสิทธิภาพการดำเนินงานให้สามารถรองรับความเติบโตในอนาคตได้
“กลยุทธ์ทั้งห้าประการนี้เป็นไปเพื่อเสริมศักยภาพของกรุงศรี คอนซูมเมอร์ ให้สอดรับกับสภาวะแวดล้อมในการดำเนินธุรกิจ รวมถึงความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนไป เพื่อสร้างความเติบโตอย่างมีคุณภาพและรักษาความเป็นผู้นำในธุรกิจการเงิน โดยปี 2568 ตั้งเป้า มียอดบัญชีลูกค้าใหม่ 652,500 บัญชี (+10%), ยอดใช้จ่ายผ่านบัตร 431,500 ล้านบาท (+10%), ยอดสินเชื่อใหม่ 108,800 ล้านบาท (+14%) และยอดสินเชื่อคงค้าง 158,500 ล้านบาท (+8%)” นายอธิศกล่าว
นายอธิศกล่าวต่อไปว่า ในส่วนแผนงานของบัตรเครดิต จะมีการปรับปรุงยกเครื่องบัตรเครดิตที่มีอยู่ในพอร์ตใหม่อีกครั้ง รวมถึงการดูแลลูกค้าทั้งลูกค้าปัจจุบันและลูกค้าใหม่ และการเฟ้นหาพันธมิตรใหม่ๆ ที่มีศักยภาพเข้ามาร่วมให้บริการและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า นอกจากนี้ จะมีการออกบัตรเครดิตใหม่ๆ ที่อาจไม่ได้ใช้ชื่อ “กรุงศรี” เพื่อให้บริการลูกค้าเวลธ์ที่เป็นลูกค้าของธนาคารแม่
นอกจากนี้ จะมีการปรับโมเดลผลิตภัณฑ์บัตรเครดิต Co-brand อาทิ บัตรเครดิต เซ็นทรัล เดอะวัน,บัตรเครดิตโลตัส เพื่อทบทวนและเพิ่มเติมสิทธิประโยชน์ต่างๆ ของแต่ละบัตร ซึ่ง เร็วๆ นี้ กรุงศรี คอนซูมเมอร์ จะประกาศความร่วมมือใหม่ กับ ทั้ง แอปเปิ้ล และ Google โดยบัตรเครดิตนี้จะเป็นบัตรใบแรกๆ ในกระเป๋าสตางค์ที่ลูกค้าหยิบขึ้นมาใช้ในชีวิตประจำวัน
สำหรับผลประกอบการในปี 2567 ที่ผ่านมาของกรุงศรี คอนซูมเมอร์ นายอธิศกล่าวว่า เติบโตเป็นที่น่าพอใจ จากความสำเร็จในการเดินกลยุทธ์ของบริษัท โดยมียอดบัญชีลูกค้าใหม่ 594,000 บัญชี เติบโต +6%, ยอดใช้จ่ายผ่านบัตร 392,500 ล้านบาท เติบโต +8%, ยอดสินเชื่อใหม่ 95,500 ล้านบาท เติบโต +4% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และยอดสินเชื่อคงค้าง 146,200 ล้านบาท ถือเป็นการเติบโตที่ดีกว่าตลาด
ทั้งนี้ หมวดใช้จ่ายผ่านบัตรสูงสุดเรียงตามยอดใช้จ่าย ได้แก่ 1. ประกันภัย, 2. ไฮเปอร์มาร์ท ซูเปอร์มาร์เก็ต และร้านสะดวกซื้อ, 3. ปั๊มน้ำมัน, 4. ตกแต่งบ้านและเครื่องใช้ในครัวเรือน และ 5. ช้อปออนไลน์ ส่วนหมวดใช้จ่ายที่มีอัตราเติบโตสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ 1. ตัวแทนท่องเที่ยว, 2. โซเชียลมีเดียและแอปพลิเคชัน 3. ช้อปออนไลน์ 4. แอปดิลิเวอรี และ 5. สุขภาพและความงาม
นายอธิศกล่าวต่อถึงมาตรการลดหย่อนภาษี Easy E-Receipt ของรัฐบาล เมื่อเดือน ม.ค.- ก.พ. 2568 มียอดใช้จ่ายผ่านบัตรทั้งหมด เติบโต 8.9% YoY ซึ่งเป็นการรูดเต็มจำนวน ขณะที่ยอดผ่อนชำระมีนัยสำคัญ เติบโตสูงถึง 14% YoY ฉะนั้นหากรัฐบาลมีมาตรการลดหย่อนภาษีจากการใช้จ่ายอีก กรุงศรีคอนซูมเมอร์ จะเน้นการผ่อนชำระมากขึ้น เพื่อให้เป็นไปตามพฤติกรรมลูกค้า ที่ลูกค้าส่วนใหญ่จะเลือกผ่อนชำระด้วยระยะเวลานานที่สุด โดยเร็วๆ นี้ จึงเตรียมออกโปรโมชั่นกระตุ้นการผ่อนชำระเพิ่มเติมด้วย
ข่าวเด่น