
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ตรวจพบนิติบุคคลยังไม่ส่งงบการเงินในรอบปีบัญชี 2566 เฉพาะในเขตกรุงเทพ มหานคร ซึ่งต้องนำส่งภายในเดือนพฤษภาคม 2567 ขณะนี้ยังขาดอยู่อีก 20,458 ราย และอีก 21,077 ราย นำส่งล่าช้าเกินเวลาที่กฎหมายกำหนด โดยกรมฯ ได้มีหนังสือแจ้งข้อกล่าวหากรณีไม่นำส่งงบการเงิน และนำส่งงบการเงินไม่เป็นไปตามระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดในรอบปีบัญชีดังกล่าว ซึ่งเป็นกระบวนการตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการปรับเป็นพินัย พ.ศ.2565 โดยผู้ที่ได้รับหนังสือแจ้งข้อกล่าวหา สามารถมีหนังสือชี้แจงเพื่อให้เจ้าหน้าที่ของรัฐพิจารณา หากคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหามีเหตุผลรับฟังได้ เจ้าหน้าที่ของรัฐจะมีหนังสือแจ้งยุติคดี หรือกรณีนิติบุคคลมีหนังสือยอมรับข้อกล่าวหา เจ้าหน้าที่ของรัฐจะออกคำสั่งปรับเป็นพินัยให้ เมื่อชำระค่าปรับเป็นพินัยแล้วคดีจึงจะเป็นอันยุติ
.jpg)
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบข้อมูลนิติบุคคลคงอยู่ทั่วประเทศที่มีหน้าที่ในการส่งงบการเงินรอบปีบัญชี 2566 จำนวน 835,011 ราย ซึ่งเป็น นิติบุคคลคงอยู่ที่สำนักงานแห่งใหญ่ตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพมหานครและมีหน้าที่ในการส่งงบการเงินรอบปีบัญชี 2566 จำนวน 306,421 ราย พบว่า มีนิติบุคคล (ห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน บริษัทจำกัด บริษัทมหาชนจำกัด) มีหน้าที่จัดทำบัญชีและนำส่งงบการเงินต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ตามมาตรา 11 แห่ง พระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543 ไม่นำส่งงบการเงิน จำนวน 41,535 ราย (คิดเป็นร้อยละ 13.55 ของนิติบุคคลคงอยู่ที่สำนักงานแห่งใหญ่ตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร) จึงได้มอบหมายให้ผู้อำนวยการกองข้อมูลธุรกิจในฐานะเจ้าหน้าที่ของรัฐตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการปรับเป็นพินัย พ.ศ.2565 ออกหนังสือแจ้งข้อกล่าวหาไปยังนิติบุคคลดังกล่าว โดยเมื่อนิติบุคคลได้รับหนังสือแจ้งข้อกล่าวหาการกระทำความผิดไม่ส่งงบการเงินฯ กรรมการหรือหุ้นส่วนผู้จัดการของนิติบุคคล มีสิทธิดำเนินการ 3 กรณี ดังต่อไปนี้
1) กรณียอมรับข้อกล่าวหาและต้องการชำระค่าปรับเป็นพินัยเพื่อให้คดียุติ สามารถทำหนังสือรับสารภาพ โดยลงนามตามอำนาจและประทับตรา (ถ้ามี) และนำไปยื่นที่งานงบการเงินและข้อมูลธุรกิจ ชั้น 3 กรมพัฒนาธุรกิจการค้า สนามบินน้ำ 2) กรณียอมรับข้อกล่าวหา แต่ไม่สะดวกในการทำหนังสือรับสารภาพ สามารถรอรับหนังสือคำสั่งปรับเป็นพินัย ซึ่งเจ้าหน้าที่ของรัฐจะมีหนังสือแจ้งจำนวนเงินที่ต้องชำระค่าปรับ ภายในระยะเวลาไม่เกิน 60 วันนับจากได้รับหนังสือแจ้งข้อกล่าวหาฉบับแรกแล้ว เมื่อได้รับหนังสือคำสั่งปรับเป็นพินัย สามารถไปชำระค่าปรับได้ที่ งานงบการเงินและข้อมูลธุรกิจ ชั้น 3 กรมพัฒนาธุรกิจการค้า สนามบินน้ำ หรือ สำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้าเขต 1-6 หรือ สำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ และ 3) กรณีต้องการชี้แจงหรือแก้ข้อกล่าวหา ให้ทำหนังสือชี้แจงเหตุผลโดยลงนามตามอำนาจและประทับตรา (ถ้ามี) พร้อมแนบเอกสารประกอบ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ของรัฐพิจารณาว่าคำชี้แจงหรือคำแก้ข้อกล่าวหาประกอบข้อเท็จจริงฟังขึ้นหรือไม่ และหากเจ้าหน้าที่ของรัฐพิจารณาแล้วเห็นว่ากระทำความผิด เจ้าหน้าที่จะมีหนังสือแจ้งคำสั่งปรับเป็นพินัย
สำหรับกรณีที่ไม่ได้ความว่ากระทำความผิด เจ้าหน้าที่จะสั่งยุติเรื่องและมีหนังสือแจ้งกลับไปยังนิติบุคคลอีกครั้ง ทั้งนี้ ทั้ง 3 กรณี สามารถมอบให้บุคคลอื่นมายื่นเอกสารแทนได้
อธิบดีอรมน กล่าวเพิ่มเติมว่า เมื่อนิติบุคคลได้รับหนังสือคำสั่งปรับเป็นพินัย และได้ชำระค่าปรับเรียบร้อยแล้วคดีจึงจะยุติ แต่หากได้รับหนังสือคำสั่งปรับเป็นพินัยแล้ว แต่ไม่ชำระค่าปรับ ตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการปรับเป็นพินัย พ.ศ.2565 กรมฯ จะรวบรวมสรุปข้อเท็จจริงเพื่อส่งให้อัยการดำเนินการฟ้องศาลต่อไป
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ขอแจ้งว่าหากนิติบุคคลได้รับหนังสือแจ้งข้อกล่าวหาแล้ว ไม่ต้องตกใจ แต่ให้ไปตรวจสอบอย่างถ้วนถี่ว่านิติบุคคลของท่านได้จัดทำงบการเงินไว้แล้วหรือไม่ หากจัดทำไว้เรียบร้อยแล้วก็ให้รีบดำเนินการนำส่งงบการเงินผ่านระบบ DBD e-Filing ซึ่งสามารถยื่นได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้หนังสือรับรองนิติบุคคลถูกหมายเหตุว่าไม่ได้ส่งงบการเงิน อันเป็นการรักษาความน่าเชื่อถือในการดำเนินธุรกิจของท่าน อีกทั้งยังเป็นประโยชน์ต่อผู้มีส่วนได้เสีย คู่ค้า และผู้สนใจที่จะร่วมทุนกับธุรกิจของท่านอีกด้วย”
#SuperDBD #กรมพัฒนาธุรกิจการค้า #กระทรวงพาณิชย์
ข่าวเด่น