สรุปความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาท
• เงินบาททยอยอ่อนค่ากลับมาช่วงกลาง-ปลายสัปดาห์ตามแรงขายทำกำไรทองคำในตลาดโลก
เงินบาทแข็งค่าขึ้นตามการพุ่งขึ้นของราคาทองคำในตลาดโลก แรงซื้อสุทธิพันธบัตรไทยของต่างชาติ และการแข็งค่าของสกุลเงินเอเชียอื่นๆ สวนทางเงินดอลลาร์ฯ ที่เผชิญแรงกดดันต่อเนื่องจากความกังวลต่อผลกระทบของ Tariffs ต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ และประเด็นความขัดแย้งระหว่างปธน. โดนัลด์ ทรัมป์ กับประธานเฟด โดยเงินบาทแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบกว่า 6 เดือนครั้งใหม่ที่ 33.05 บาทต่อดอลลาร์ฯ
อย่างไรก็ดี เงินบาททยอยอ่อนค่ากลับมาท่ามกลางแรงซื้อคืนเงินดอลลาร์ฯ หลังมีสัญญาณผ่อนคลายลงทั้งในประเด็นเรื่องสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน และแรงกดดันต่อเฟด นอกจากนี้ เงินบาทยังมีปัจจัยลบเพิ่มเติมจากสถานะขายสุทธิทั้งหุ้นและพันธบัตรไทยช่วงปลายสัปดาห์ของต่างชาติ และการปรับตัวลงของราคาทองคำในตลาดโลกตามแรงขายทำกำไร หลังราคาทำสถิติสูงเป็นประวัติการณ์เหนือแนว 3,500 ดอลลาร์ฯ ต่อออนซ์ในช่วงที่ผ่านมา
• ในวันศุกร์ที่ 25 เม.ย. 2568 เงินบาทปิดตลาดในประเทศที่ 33.54 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับ 33.44 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (18 เม.ย.) สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 21-25 เม.ย. 2568 นั้น นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย 8,934 ล้านบาท แต่มีสถานะอยู่ในฝั่ง Net Inflows เข้าตลาดพันธบัตรไทย 18,396 ล้านบาท (แบ่งเป็น ซื้อสุทธิพันธบัตร 18,406 ล้านบาท หักตราสารหนี้หมดอายุ 10 ล้านบาท)
• สัปดาห์ระหว่างวันที่ 28 เม.ย.-2 พ.ค. 2568 ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทที่ระดับ 33.00-34.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ผลการประชุมกนง. (30 เม.ย.) รายงานเศรษฐกิจและการเงินเดือนมี.ค. ของไทย สถานการณ์ของสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน ราคาทองคำในตลาดโลก สัญญาณฟันด์โฟลว์ของต่างชาติ และผลการประชุม BOJ ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ เครื่องชี้แรงงาน JOLTS ดัชนีราคา PCE/Core PCE ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขายเดือนมี.ค. ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 1/2568 (adv.) ข้อมูลการจ้างงานภาคเอกชน ดัชนี PMI/ISM ภาคการผลิต ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรและอัตราการว่างงานเดือนเม.ย. รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามดัชนี PMI เดือนเม.ย. ของจีน ญี่ปุ่น อังกฤษ และยูโรโซน ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 1/2568 และอัตราเงินเฟ้อเดือนเม.ย. ของยูโรโซนด้วยเช่นกัน
สรุปความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทย
• ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวผันผวนแต่พลิกกลับมาปิดบวกได้เป็นสัปดาห์ที่สาม
ดัชนีหุ้นไทยร่วงลงแรงช่วงต้นสัปดาห์ท่ามกลางความกังวลต่อสถานการณ์สงครามการค้า หลังจากมีรายงานข่าวว่าสหรัฐฯ จะกดดันให้ประเทศอื่นๆ โดดเดี่ยวจีน ซึ่งจีนก็พร้อมตอบโต้ประเทศที่ให้ความร่วมมือกับสหรัฐฯ ประกอบกับมีการเลื่อนการเจรจาการค้าระหว่างไทย-สหรัฐฯ ออกไปอย่างไม่มีกำหนด ส่งผลให้เกิดแรงเทขายทำกำไรในหุ้นทุกกลุ่มอุตสาหกรรม โดยเฉพาะกลุ่มแบงก์ที่ประกาศผลประกอบการเสร็จสิ้นไปแล้ว
ดัชนีหุ้นไทยดีดตัวขึ้นในเวลาต่อมาจนถึงช่วงกลางสัปดาห์ โดยมีแรงหนุนจากแรงซื้อหุ้นกลุ่มพลังงานและเทคโนโลยี ประกอบกับนักลงทุนมีความคาดหวังต่อการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และประเทศคู่ค้าหลักอย่างญี่ปุ่นและอินเดีย นอกจากนี้ยังมีรายงานข่าวว่าสหรัฐฯ ลดท่าทีที่แข็งกร้าวต่อจีนลง โดยอาจจะไม่เรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนในอัตราที่สูงมาก อย่างไรก็ดีท่าทีที่แข็งกร้าวของจีนต่อสหรัฐฯ และแรงขายทำกำไรหุ้นกลุ่มพลังงานส่งผลให้ดัชนีหุ้นไทยย่อตัวลงช่วงสั้นๆ ก่อนจะดีดตัวขึ้นอีกครั้งในช่วงท้ายสัปดาห์ตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาค โดยมีแรงหนุนหลักๆ จากหุ้นผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่แห่งหนึ่งตามทิศทางหุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯ
• ในวันศุกร์ที่ 25 เม.ย. 2568 ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,159.00 จุด เพิ่มขึ้น 0.70% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 36,044.79 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.53% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai เพิ่มขึ้น 2.28% มาปิดที่ระดับ 257.93 จุด
• สัปดาห์ถัดไป (28 เม.ย.-2 พ.ค. 68) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,140 และ 1,125 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,175 และ 1,190 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ การประชุมกนง. (30 เม.ย.) ผลประกอบการไตรมาส 1/2568 ของบจ.ไทย ประเด็นความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และประเทศคู่ค้า รวมถึงทิศทางเงินทุนต่างชาติ ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ รายได้และรายจ่ายส่วนบุคคล ดัชนี PCE/Core PCE Price Index เดือนมี.ค. ข้อมูลการจ้างงานภาคเอกชนของ ADP ดัชนี ISM/PMI ภาคการผลิต ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร อัตราการว่างงานเดือนเม.ย. ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 1/2568 และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ปัจจัยเศรษฐกิจต่างประเทศอื่น ๆ ได้แก่ การประชุม BOJ ดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนเม.ย. ของจีน ญี่ปุ่น อังกฤษและยูโรโซน ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 1/2568 และดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนเม.ย. (เบื้องต้น) ของยูโรโซน
ข่าวเด่น