
(+) ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่ม จากความหวังในการบรรลุข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ซึ่งทั้ง 2 ประเทศถือเป็นผู้บริโภคน้ำมันรายใหญ่ โดยในวันที่ 10 พ.ค. 68 จะมีการหารือเกี่ยวกับประเด็นภาษีศุลกากรและการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
(+) ตลาดได้รับแรงหนุนจากข่าวการบรรลุข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักร โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ และนายกรัฐมนตรีคีร์ สตาร์เมอร์ของสหราชอาณาจักร ได้ประกาศข้อตกลงสำคัญในด้านการค้า โดยสหราชอาณาจักรได้ตกลงที่จะปรับลดภาษีศุลกากรลงจาก 5.1% เหลือ 1.8% และเปิดโอกาสให้สินค้าสหรัฐฯ เข้าถึงตลาดได้มากขึ้น ขณะที่ภาษีศุลกากรพื้นฐาน (Baseline Tariff) ที่สหรัฐฯ เรียกเก็บจากสินค้านำเข้าของสหราชอาณาจักรนั้น จะยังคงอยู่ที่อัตรา 10%
(+/-) นักลงทุนยังคงจับตาการเจรจาด้านนิวเคลียร์ระหว่างอิหร่านและสหรัฐฯ ขณะที่นักวิเคราะห์จาก Citi Research คาดการณ์ว่าหากทั้ง 2 ฝ่ายบรรลุข้อตกลง จะส่งผลให้อุปทานน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น และอาจส่งผลให้ราคาน้ำมันเบรนท์ปรับลดลงแตะระดับ 50 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล แต่หากไม่มีการบรรลุข้อตกลง อาจส่งผลให้ราคาน้ำมันเบรนท์ปรับเพิ่มขึ้นเกินระดับ 70 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันเบนซิน
ราคาน้ำมันเบนซินปรับลดมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังอุปสงค์น้ำมันเบนซินของอินเดียในเดือน เม.ย. 68 ปรับลดลง 1.8% จากเดือนก่อนหน้า สู่ระดับ 3.4 ล้านตัน จากเทศกาลรอมฎอนที่สิ้นสุดลง นอกจากนี้ การปิดซ่อมบำรุงของโรงกลั่นในไต้หวันคาดว่าจะสิ้นสุดในช่วงสิ้นเดือน พ.ค. 68 ซึ่งจะส่งผลให้อุปทานน้ำมันเบนซินมีแนวโน้มกลับมาปรับเพิ่มขึ้น
ราคาน้ำมันดีเซล
ราคาน้ำมันดีเซลปรับลดใกล้เคียงราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังการนำเข้าน้ำมันดีเซลของเวียดนามในเดือนเม.ย. 68ปรับลดลง 17.9% จากปีก่อนหน้า สู่ระดับ 0.4 ล้านตัน อย่างไรก็ตาม อุปสงค์น้ำมันดีเซลของอินเดียคาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นประมาณ 7 หมื่นบาร์เรลต่อวัน ในช่วงไตรมาสที่ 2 ปี 2568
ข่าวเด่น