
(-) ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสและเบรนท์ปรับลดลง หลังสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) เปิดเผยตัวเลขน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 9 พ.ค. 68 เพิ่มขึ้น 3.5 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 441.8 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะลดลง 2.0 ล้านบาร์เรล ส่งผลให้นักลงทุนเกิดความกังวลต่อภาวะอุปทานส่วนเกิน
(-/+) กลุ่มโอเปกปรับลดคาดการณ์ความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลก ในปี 2025 ลง 50,000 บาร์เรลต่อวัน เมื่อเทียบกับคาดการณ์เดือนก่อนหน้า เหลือเฉลี่ย 105 ล้านบาร์เรลต่อวัน อย่างไรก็ตาม อัตราการเติบโตของความต้องการยังคงไม่เปลี่ยนแปลง โดยคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน เมื่อเทียบกับปี 2024
(+) ทางด้านอุปทานน้ำมันในปี 2025 กลุ่มโอเปกปรับลดคาดการณ์การเติบโตจากประเทศนอกกลุ่มโอเปกพลัสซึ่งรวมถึงสหรัฐฯ โดยคาดว่าอุปทานจากประเทศเหล่านี้จะเพิ่มขึ้น 800,000 บาร์เรลต่อวัน สู่ระดับการผลิตเฉลี่ย 54 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากเดิมที่เคยคาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 900,000 บาร์เรลต่อวัน
ราคาน้ำมันเบนซิน
ราคาน้ำมันเบนซินปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังคาดว่าอุปสงค์ในสหรัฐฯ จะปรับเพิ่มขึ้นในช่วงฤดูขับขี่ที่กำลังจะมาถึงในช่วงปลายเดือนนี้ อย่างไรก็ดี ตลาดยังคงถูกกดดันหลังคาดว่าโรงกลั่นในไนจีเรียเริ่มกลับมาผลิตน้ำมันเบนซินอีกครั้ง และจีนอาจเพิ่มการส่งออกน้ำมันเบนซิน หลังมาร์จิ้นการส่งออกปรับตัวดีขึ้น
ราคาน้ำมันดีเซล
ราคาน้ำมันดีเซลปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังโรงกลั่นน้ำมันในญี่ปุ่นจำนวน 3 แห่ง ซึ่งมีกำลังการผลิตรวม 235,300 บาร์เรลต่อวัน ได้หยุดดำเนินการชั่วคราวจากการปิดซ่อมบำรุงตามแผนประจำปี รวมถึงบางแห่งมีการปิดซ่อมบำรุงฉุกเฉินชั่วคราว เนื่องจากปัญหาทางเทคนิค
ข่าวเด่น