สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และสหรัฐอเมริกา ประกาศความร่วมมือด้านเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) มูลค่า 200,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ พร้อมเปลี่ยนผ่านจากเศรษฐกิจน้ำมันสู่เศรษฐกิจดิจิทัล ที่เตรียมตั้งตัวเองเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีระดับโลก เพื่อเพิ่มบทบาทในเวทีโลก เสริมความมั่งคั่ง และความยืดหยุ่นทางการทูต
หลังจากที่โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ได้เดินทางไปยัง อาบูดาบี เมืองหลวงของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือ UAE เมื่อวันที่ 15 พ.ค.2568 ที่ผ่านมา ก็ได้ ลงนามข้อตกลงความร่วมมือด้านเศรษฐกิจกับทาง UAE โดย UAE ตกลงมอบเงินลงทุนกว่า 200,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 6 ล้านล้านบาท เข้าสู่สหรัฐ เพื่อสานความสัมพันธ์ทั้งทางด้านการค้า (ที่สหรัฐจะเปิดตลาดให้กับสินค้าและบริการจาก UAE มากขึ้น) และใจความสำคัญอย่างการที่สหรัฐจะเข้ามาช่วยผลักดันเทคโนโลยี AI ที่สามารถส่งเสริมเศรษฐกิจของภูมิภาคอ่าวเปอร์เซียให้กลายเป็นศูนย์กลางทางด้านเทคโนโลยี จากดีลสำคัญอย่างการเตรียมตั้งศูนย์วิศวกรรมระดับโลกในกรุงอาบูดาบี ที่เน้นพัฒนาเทคโนโลยี AI และ Data Center และการเตรียมสร้างศูนย์ข้อมูล AI ขนาดใหญ่ ในกรุงอาบูดาบีอีกเช่นกัน โดยจะมีโครงสร้างพื้นฐานรองรับ Data Center สำหรับ AI กำลังผลิตถึง 5 กิกะวัตต์ ซึ่งจะทำให้ศูนย์ข้อมูลแห่งนี้กลายเป็นผู้ให้บริการคลาวด์ขนาดใหญ่แก่ประชากรเกือบครึ่งหนึ่งของโลกเลยทีเดียว
แน่นอนว่าการเป็นศูนย์กลางผู้ให้บริการทางด้านเทคโนโลยีที่สำคัญกับผู้คนในยุคปัจจุบัน จะเพิ่มอิทธิพลให้กับ UAE ในบทบาทโลกอย่างมาก ถึงขนาดกลายเป็นผู้กุมอำนาจทางด้าน Tech Power เลยก็ว่าได้ เพราะทาง UAE ได้ใช้กลยุทธ์ “การลงทุนข้ามชาติแบบซื้ออนาคต” ซึ่งช่วงหลัง ๆ มานี้จะเห็นจากดีลใหญ่ระดับโลกอย่าง G42 (บริษัทโฮลดิ้งเพื่อพัฒนา ปัญญาประดิษฐ์ของ UAE) ร่วมมือลงทุนกับ Microsoft มูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ มีการดึงบริษัท AI ระดับโลกมาลงทุนและตั้งฐานข้อมูลหรือศูนย์ R&D ใน UAE มีการสร้างโมเดลภาษาอาหรับเอง และมีการลงทุนทางเทคโนโลยีกับบริษัทและ Startup ในสหรัฐ ยุโรป และเอเชียอีกมากมาย ซึ่งด้วยความเงินหนาของ UAE การลงทุนด้านนี้จึงไม่ได้ไกลเกินเอื้อมมากนัก เพราะ UAE จะใช้วิธีการสนับสนุนเงินทุนในด้านที่ประเทศนั้น ๆ ได้ผลประโยชน์ อย่างดีลล่าสุดมูลค่า 200,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ก็แลกมากลับการที่ UAE จะช่วยพัฒนาโครงการแร่หายาก และการขุดเจาะน้ำมัน เพื่อสร้างความมั่นคงให้กับเศรษฐกิจของสหรัฐ
ส่วนผลดีของการเป็นผู้กุมอำนาจทางด้าน Tech Power นี้ จะทำให้ UAE สามารถเล่นบท “ตัวกลาง” ระหว่างจีน-สหรัฐได้อย่างเต็มภาคภูมิ หรือก็คือ UAE จะกลายเป็นฝ่ายอิสระที่ทรงอิทธิพลในโลกหลายขั้ว (Multipolar World) ไม่จำเป็นต้องพยายามชิงอำนาจเหมือนสหรัฐกับจีน และไม่โดนกดดันให้เลือกข้างอย่างที่ประเทศอื่น ๆ โดน เพราะ UAE จะใช้เทคโนโลยี AI เป็นเครื่องมือในการเสริมสร้างอิทธิพล ความยืดหยุ่นทางการทูต ในขณะเดียวกันก็ประกันความมั่งคั่งไว้กับตัวเองได้เหมือนในสมัยที่เศรษฐกิจยังถูกขับเคลื่อนด้วยพลังงานน้ำมัน
ทั้งนี้ UAE ยังให้คำมั่นว่าจะลงทุนในสหรัฐ มากถึง 1.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วง 10 ปีข้างหน้า โดยตกลงที่จะช่วยร่วมกันพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน AI เซมิคอนดักเตอร์ พลังงาน และภาคการผลิต แม้จะมีแรงต้านภายในรัฐบาลทรัมป์ จากความกังวลว่า การที่ UAE สามารถเข้าถึงชิป AI จากสหรัฐได้มากกว่า 1 ล้านชิ้น อาจเป็นช่องโหว่ที่ทำให้จีนสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีของชิปดังกล่าวได้ ซึ่งก็คงต้องรอดูข้อตกลงในระยะถัดไปว่าสหรัฐและ UAE จะวางตัวเป็นพันธมิตรที่สร้างความไว้วางใจซึ่งกันและกันได้อย่างไรต่อไปบ้าง
ข่าวเด่น