หุ้นทอง
"ทรีนีตี้" ปรับโครงสร้างองค์กร บอร์ดมีมติแต่งตั้ง "ดร.วิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล" นั่งประธาน กรรมการบริหาร และขยับ "ดร. วีรพัฒน์ เพชรคุปต์" ขึ้นนั่งตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มีผล 1 มิ.ย.นี้ พร้อมเปิดผลงานไตรมาส 1 ปี 68 โชว์กำไรต่อเนื่องกว่า 7.6 ล้านบาท รายได้ค่านายหน้าทั้งหุ้น - TFEX โตพุ่ง พร้อมนำ AI มาใช้บริการลูกค้า


ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 3/2568 เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2568 บมจ.ทรีนีตี้ วัฒนา (TNITY) มีมติแต่งตั้งดร. วิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล ให้ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริหารแทนนายภควัต โกวิทวัฒนพงศ์ ซึ่งไม่ประสงค์ต่อวาระการเป็นกรรมการ และมีมติแต่งตั้ง ดร.วีรพัฒน์ เพชรคุปต์ ให้ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มีผลวันที่ 1 มิถุนายน 2568
 
 
ดร.วิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล กรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ทรีนีตี้ วัฒนา กล่าวว่า “มติคณะกรรมการครั้งนี้เป็นการแต่งตั้งผู้บริหารทั้ง 2 คน พร้อมกับการปรับโครงสร้างเพื่อสร้างให้ทรีนีตี้ เป็นองค์กรที่ทันสมัย และบริษัทมีเป้าหมายชัดเจนว่าจะนำ AI เข้ามาใช้ในการให้บริการในด้านต่างๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริการและสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับลูกค้า และผู้ถือหุ้น”

ดร.วิศิษฐ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การดำเนินงานในช่วงไตรมาสแรกปี 2568 นั้น บริษัทย่อยคือ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด ได้มีการเพิ่มและพัฒนาบุคลากรโดยการนำ AI เข้ามาช่วยในการเสนอข้อมูลที่รวดเร็วให้กับ นักลงทุน และได้ส่งผลชัดเจนต่อดำเนินงานของ บมจ.ทรีนีตี้ วัฒนา ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากสิ้นปี 2567

 
ทั้งนี้ ในไตรมาสแรกปี 2568 บริษัทมีกำไรสุทธิ 7.69 ล้านบาท บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้รวม 164.03 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 4 จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้ 157.77 ล้านบาท เป็นผลมาจากรายได้ ค่านายหน้าที่เพิ่มขึ้นเป็น 28.41 ล้านบาท เพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 16.82 จาก 24.32 ล้านบาท ในงวดเดียวกันของปีก่อน เพราะปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์โดยรวม และของลูกค้ารายย่อยของบริษัทเพิ่มขึ้น

ขณะที่รายได้จากธุรกิจซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (TFEX) เพิ่มขึ้นเป็น 9.39 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น อย่างก้าวกระโดดในอัตราร้อยละ 155.16 จาก 3.68 ล้านบาทในงวดเดียวกันปีก่อน เนื่องจากปริมาณการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าโดยรวม และของลูกค้ารายย่อยเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง

นอกจากนี้ บริษัทยังมีกำไร และผลตอบแทนจากเงินลงทุนรวม 25.61 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 18.90 ล้านบาทในงวดเดียวกันของปีก่อน และมีรายได้ดอกเบี้ยของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 27.10 ล้านบาท จาก 21.30 ล้านบาท ในงวดเดียวกันของปีก่อน เกิดจากรายได้ดอกเบี้ยจากลูกหนี้เงินให้กู้ยืมอื่นที่เพิ่มขึ้นเป็น 26.51 ล้านบาท จาก 20.59 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 28.75 เนื่องจากเงินให้กู้ยืมแก่การร่วมค้าที่เพิ่มขึ้น

อีกทั้งบริษัทยังมีส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนตามวิธีส่วนได้เสียเพิ่มขึ้นเป็น 4.02 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น ร้อยละ 302 จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 1 ล้านบาท ตามผลการดำเนินงานของการร่วมค้าและบริษัทร่วมที่ปรับตัวดีขึ้น ในขณะที่รายได้ดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์ลดลงจาก 38.92 ล้านบาทเป็น 28.65 ล้านบาท จากการลดลงของเงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์ในระหว่างงวด

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของค่าใช้จ่ายได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยมีค่าใช้จ่าย 155.35 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.26 จากงวดเดียวกันปี 2567 ที่มีจำนวน 138.39 ล้านบาท เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายผลประโยชน์ พนักงานเพิ่มขึ้นเป็น 73.08 ล้านบาท จาก 69.03 ล้าน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.87 ตามผลตอบแทนตามรายได้ค่านายหน้าที่เพิ่มขึ้น และมีค่าธรรมเนียมและบริการจ่ายเพิ่มขึ้นเป็น 13.92 ล้านบาทจาก 9.29 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้นร้อยละ 49.84 เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าระหว่างไตรมาส
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 21 พ.ค. 2568 เวลา : 12:06:55
22-05-2025
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ May 22, 2025, 4:00 am