การศึกษา-สิ่งแวดล้อม-สาธารณสุข
สทนช. สั่งเข้ม ประชุม 2 ศูนย์ส่วนหน้าฯ รับมือพายุ "วิภา" ลดผลกระทบประชาชน ผนึกกำลังบริหารสถานการณ์พื้นที่ลุ่มน้ำโขงตะวันออกเฉียงเหนือและลุ่มน้ำโขงเหนือ


สทนช. ระดมหน่วยงานประชุมศูนย์ส่วนหน้าฯ ลุ่มน้ำโขงตะวันออกเฉียงเหนือและลุ่มน้ำโขงเหนือ เร่งเตรียมรับมือฝนตกหนักจากพายุวิภาในช่วง 22-25 ก.ค. นี้ ตรวจความแข็งแรงและเสริมแนวป้องกันทุกจุด วางแผนระดมเครื่องจักรและเครื่องสูบระบายน้ำ พร้อมเน้นย้ำดูแลและอพยพกลุ่มเปราะบางหากปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

 
วันนี้ (20 กรกฎาคม 2568) ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เป็นประธานการประชุมคณะทำงานอำนวยการบริหารจัดการน้ำส่วนหน้า (ชั่วคราว) ในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยลุ่มน้ำโขงตะวันออกเฉียงเหนือ ครั้งที่ 2/2568 โดยมี นายชัยพจน์ จรูญพงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย ผู้แทนจังหวัดหนองคาย จังหวัดสกลนคร จังหวัดมุกดาหาร จังหวัดนครพนม จังหวัดบึงกาฬ จังหวัดอุดรธานี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม ณ ศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้าฯ จังหวัดหนองคาย และผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดย เลขาธิการ สทนช. และคณะผู้บริหารได้เข้าร่วมประชุมผ่านระบบออนไลน์ จากศาลากลางจังหวัดเชียงราย จากนั้นในช่วงบ่าย ได้เป็นประธานการประชุมคณะทำงานอำนวยการบริหารจัดการน้ำส่วนหน้า (ชั่วคราว) ในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยลุ่มน้ำโขงเหนือ ครั้งที่ 7/2568 โดยมีนายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นายศิริวัฒน์ บุปผาเจริญ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ นายนพฤทธิ์ ศิริโกศล ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย นายทวี เสริมภักดีกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก
 

 
 
ผู้แทนจังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดพะเยา จังหวัดพิจิตร จังหวัดน่าน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม ณ ศาลากลางจังหวัดเชียงราย และผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ก่อนลงพื้นที่ติดตามความก้าวหน้าโครงการขุดลอกแม่น้ำสาย และติดตามสถานการณ์ในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยบริเวณอำเภอแม่สาย ได้แก่ สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมาแห่งที่ 1 และพื้นที่ตำบลเกาะช้าง ตามลำดับ
 
 
 
เลขาธิการ สทนช. เปิดเผยว่า ขณะนี้ทุกภาคของประเทศไทยมีปริมาณฝนมาก โดยเฉพาะภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับคาดการณ์ว่าในช่วงวันที่ 22–25 กรกฎาคม ประเทศไทยจะได้รับผลกระทบจากพายุโซนร้อน “วิภา” ทำให้มีแนวโน้มฝนตกหนักถึงหนักมากในหลายพื้นที่ของภาคเหนือตอนบน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ชายขอบของภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งอันดามัน และจะยังมีฝนตกต่อเนื่องบริเวณประเทศไทยตอนบนในช่วงหลังจากนั้น ในวันนี้จึงได้ประชุมคณะทำงานอำนวยการบริหารจัดการน้ำส่วนหน้าฯ ในพื้นที่ 2 ลุ่มน้ำ ที่มีความเสี่ยงเกิดสถานการณ์อุทกภัย เพื่อบูรณาการบริหารจัดการน้ำร่วมกับหน่วยงานและจังหวัด เตรียมความพร้อมรับมือเพื่อป้องกันและลดผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินให้ได้มากที่สุด โดยได้มีการประเมินสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำและแหล่งน้ำต่าง ๆ ในพื้นที่เสี่ยงโดยใช้ข้อมูลพยากรณ์ฝนล่วงหน้า เพื่อปรับการระบายน้ำให้เหมาะสมกับแต่ละช่วงเวลามากที่สุด ทั้งนี้ จากการติดตามสถานการณ์ในแม่น้ำสายหลักต่าง ๆ พบว่า ปัจจุบันแม่น้ำสายมีระดับน้ำสูงในบางจุด ซึ่งแม้ขณะนี้ประเทศไทยจะดำเนินการขุดลอกแม่น้ำสายและสร้างพนังกั้นน้ำชั่วคราวแล้วเสร็จ แต่การขุดลอกบริเวณต้นน้ำของแม่น้ำสายซึ่งเป็นภารกิจของฝั่งประเทศเมียนมายังคงมีความคืบหน้าไม่มากนัก ทำให้มีความเสี่ยงที่มวลน้ำจะไหลหลากเข้าสู่พื้นที่อำเภอแม่สายได้ จึงกำชับหน่วยงานให้เฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะบริเวณสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมาแห่งที่ 1 ซึ่งเป็นจุดที่มีความเสี่ยงสูง โดยได้รับการสนับสนุนการติดตั้งกำแพงป้องกันน้ำ (Water Wall) บนสะพานมิตรภาพไทย - เมียนมา แห่งที่ 1 จากมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง และประสานงานกับกองทัพบกและกรมการทหารช่างเตรียมวางกระสอบทรายขนาดใหญ่ (Big Bag) และเครื่องจักรเครื่องมือไว้บนสะพานเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำไหลทะลักเข้าท่วมพื้นที่ พร้อมตรวจสอบซ่อมแซมและเสริมพนังกั้นน้ำในจุดที่ชำรุดเสียหายให้เร็วที่สุด

 
 
“จากการประชุมในวันนี้ เป็นที่น่าชื่นชมว่าแต่ละจังหวัดต่างได้เตรียมความพร้อมรองรับสถานการณ์ไว้อย่างเต็มที่ ทำให้ที่ประชุมได้แลกเปลี่ยนข้อมูลและแผนการเตรียมความพร้อม รวมถึงการประสานช่วยเหลือทรัพยากรเครื่องมือต่าง ๆ กรณีต้องใช้ร่วมกัน ทั้งนี้ หากเกิดกรณีที่ปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ให้จังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแจ้งเตือนประชาชนเตรียมยกของขึ้นที่สูง รวมทั้งเน้นย้ำในเรื่องการดูแลและอพยพกลุ่มเปราะบาง อาทิ ผู้ป่วยติดเตียง ผู้สูงอายุ และเด็กเล็ก ไปยังพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราวโดยเร็ว อย่างไรก็ตาม คาดว่าสถานการณ์น้ำหลากจากอิทธิพลของพายุจะเริ่มคลี่คลายลงหลังวันที่ 25 กรกฎาคม นี้ สำหรับสถานการณ์แม่น้ำโขง ขณะนี้อยู่ในภาวะปกติ แต่จากคาดการณ์ปริมาณน้ำในแม่น้ำโขง 5 วันล่วงหน้า พบว่า ระดับน้ำมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากปริมาณฝนที่ตกในลุ่มน้ำ แต่ยังคงต่ำกว่าระดับตลิ่ง ซึ่งจะมีการติดตามเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง รวมทั้ง สทนช. ได้ประสานงานร่วมกับ สปป.ลาว ผ่านคณะทำงานเฉพาะกิจเพื่อประสานงานด้านอุทกภัยและโครงการเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำ เพื่อบริหารจัดการน้ำช่วยลดผลกระทบต่อประชาชนริมฝั่งโขง รวมถึงในวันนี้ได้หารือการบริหารจัดการน้ำในหนองหารซึ่งมีปริมาณน้ำเกิน 100% โดยให้เร่งพร่องน้ำในระยะนี้ก่อนที่ความสามารถในการระบายน้ำจะลดลงในช่วงที่ระดับน้ำในแม่น้ำโขงหนุนสูง เพื่อช่วยลดผลกระทบให้แก่จังหวัดสกลนคร และจังหวัดนครพนม สำหรับแม่น้ำกกและแม่น้ำอิง ขณะนี้ยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ แต่มีการเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดเช่นเดียวกัน” ดร.สุรสีห์ กล่าว

 
เลขาธิการ สทนช. กล่าวเพิ่มเติมว่า อิทธิพลของร่องมรสุมจะยังส่งผลให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนตกต่อเนื่องในช่วงวันที่ 28-30 กรกฎาคม รวมถึงในช่วงต้นเดือนกันยายนนี้ซึ่งคาดการณ์ว่าจะมีปริมาณฝนเพิ่มขึ้นอย่างมากในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน จึงยังต้องเฝ้าระวังสถานการณ์ โดยศูนย์ส่วนหน้าฯ จะมีการประชุมเพื่อบูรณาการข้อมูลและบริหารจัดการมวลน้ำในพื้นที่จนกว่าสถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ โดยจะมีการใช้ข้อมูลจากเรดาร์ฝนของกรมอุตุนิยมวิทยา เพื่อระบุพิกัดพื้นที่ที่มีฝนตกและปริมาณฝนได้อย่างแม่นยำ สามารถแจ้งเตือนประชาชนได้ทันท่วงที ขณะเดียวกัน ได้ประสานกับสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัด เพื่อเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องไปยังประชาชนและสื่อมวลชนผ่านช่องทางต่าง ๆ อย่างทั่วถึงด้วย

LastUpdate 21/07/2568 14:41:12 โดย : Admin
26-07-2025
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ July 26, 2025, 9:05 pm