
• ในปี 2567 การจ้างงานในประเทศอยู่ในระดับทรงตัว สังเกตได้จากอัตราการว่างงาน ณ สิ้นปี 2567 อยู่ที่ระดับ 0.88% ของจำนวนแรงงานรวมทั้งหมดในระบบ เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก ณ สิ้นปี 2566 ที่อยู่ที่ระดับ 0.81% ตลาดแรงงานไทย
• ขณะที่การจ้างงานของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มดีขึ้น โดยข้อมูลการจ้างงานของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย ณ สิ้นปี 2567 จำนวน 848 บริษัท พบว่า การจ้างงานของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยในปี 2567 มีการจ้างงานประมาณ 1.99 ล้านคน เพิ่มขึ้น 1.10% จากสิ้นปี 2566 โดยส่วนใหญ่ของการเพิ่มขึ้นของพนักงานเป็นผลมาจากบริษัทจดทะเบียนเข้าใหม่ในปี 2567 และเมื่อพิจารณารายกลุ่มอุตสาหกรรม พบว่า
กลุ่มบริการ (Services) ยังคงเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีจำนวนพนักงานสูงสุด (ที่สำคัญ จากหมวดพาณิชย์ หมวดธุรกิจการท่องเที่ยวและสันทนาการ และหมวดการแพทย์) ตามมาด้วยกลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร กลุ่มธุรกิจการเงิน และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และสิ่งก่อสร้าง ตามลำดับ
กลุ่มบริการ เป็นกลุ่มที่มีจ้างงานเพิ่มขึ้นมากที่สุดในปี 2567
• ณ สิ้นปี 2567 บริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย มีสัดส่วนการจ้างงานคิดเป็น 5.0% ของจำนวนผู้มีงานทำทั้งหมดในประเทศไทย ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก ณ สิ้นปี 2566 อยู่ที่ 4.9%
• โดยสรุปอาจกล่าวได้ว่า ตลาดหุ้นไทยมีส่วนสำคัญในการจ้างงานในประเทศไทย โดยกลุ่มบริการมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นสูงสุด
ในปี 2567 การจ้างงานในประเทศอยู่ในระดับทรงตัว สังเกตได้จากอัตราการว่างงาน ณ สิ้นปี 2567อยู่ที่ระดับ 0.88% ของจำนวนแรงงานรวมทั้งหมดในระบบ เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก ณ สิ้นปี 2566 ที่อยู่ที่ระดับ 0.81%
หลังจากประเทศไทยผ่านพ้นวิกฤตการแพร่ระบาดของ COVID-19 ตลาดแรงงานไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยในปี 2567 มีการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่รวมทั้งสิ้น 87,596 ราย ซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุดในรอบ 14 ปี เพิ่มขึ้น 2,296 ราย หรือคิดเป็น 2.69% จากปีก่อน (ภาพที่ 1) อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาด้านมูลค่าทุนจดทะเบียนของธุรกิจใหม่เหล่านี้ พบว่า มีมูลค่าทุนจดทะเบียนรวม 285,745 ล้านบาท ลดลง 49.20% จากปีก่อนหน้า สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างของธุรกิจใหม่ที่จดทะเบียนในปี 2567 ว่าเป็นธุรกิจที่มีขนาดทุนจดทะเบียนเล็กลงเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยประเภทของธุรกิจที่จัดตั้งใหม่ พบว่า ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการก่อสร้างอาคารทั่วไป อสังหาริม ทรัพย์ และภัตตาคารหรือร้านอาหาร และหากพิจารณาในส่วนของการจดทะเบียนยกเลิกธุรกิจ พบว่ามีการจดทะเบียนยกเลิกธุรกิจรวมทั้งสิ้น 23,679 ราย ซึ่งมีจำนวนเพิ่มขึ้น 1.28% จากปีก่อนหน้า โดยธุรกิจเหล่านี้มีมูลค่าทุนจดทะเบียนรวม 171,180 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.98% จากปีก่อนหน้า และธุรกิจที่ยกเลิกกิจการดำเนินธุรกิจลักษณะเดียวกับธุรกิจจัดตั้งใหม่ (ก่อสร้างอาคารทั่วไป อสังหาริมทรัพย์ และภัตตาคารหรือร้านอาหาร) ซึ่งจากการยกเลิกการดำเนินกิจการเป็นปัจจัยสำคัญประการหนึ่งที่ส่งผลให้อัตราการว่างงาน ณ สิ้นปี 2567 ขยับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 0.88% จาก 0.81% ณ สิ้นปี 2566 (ภาพที่ 2) อย่างไรก็ตาม อัตราการว่างงานยังดีกว่าค่าเฉลี่ยช่วงที่มีการแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่อยู่ที่ระดับ 1.17%
ภาพที่ 1 จำนวนการจดทะเบียนที่จัดตั้งธุรกิจใหม่ และ ยกเลิกธุรกิจ ในช่วงปี 2554 - 2567
ที่มา: กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์
ภาพที่ 2 อัตราการว่างงาน
(หน่วย: % ของผู้ว่างงานในระบบเศรษฐกิจเทียบกับจำนวนกำลังแรงงานรวม)
อย่างไรก็ดี ณ สิ้นไตรมาสที่ 1/2568 อัตราการว่างงานปรับตัวขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ระดับ 0.89% ซึ่งเป็นผลจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจที่ส่งผลให้ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ที่มีความเปราะบาง ส่งผลให้ชะลอการลงทุนและการจ้างงานใหม่ อีกทั้งบางธุรกิจมีความจำเป็นที่ต้องลดจำนวนพนักงานเพื่อรักษาสภาพคล่องทางการเงิน
การจ้างงานของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มดีขึ้น โดย ณ สิ้นปี 2567 บริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยมีการจ้างพนักงานประมาณ 1.99 ล้านคน เพิ่มขึ้น 1.10% จากสิ้นปี 2566 โดยการจ้างงานเพิ่มขึ้นเป็นผลจากการจ้างงานของบริษัทจดทะเบียนเข้าใหม่ในปี 2567 เป็นสำคัญ
แม้ว่าในปี 2567 เศรษฐกิจโดยรวมเมื่อพิจารณาการเติบโตจาก GDP ของประเทศไทยที่เติบโตเพียง 2.5% ขณะที่รายได้รวมของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (ตลาดหุ้นไทย) เติบโตสูงกว่า GDP ของไทย อีกทั้ง บริษัทจดทะเบียนยังคงใช้ตลาดหุ้นไทยเป็นกลไกในการระดมทุน ซึ่งในปี 2566 และปี 2567 บริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยมีมูลค่าระดมทุนรวมทั้งในตลาดแรกและในการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุน โดยมีมูลค่าระดมทุนรวมกว่า 288,156 ล้านบาท (ตารางที่ 1)
.jpg)
โดยจำแนกเป็นการเสนอขายหุ้นที่ออกใหม่ต่อประชาชนครั้งแรก (IPO) จำนวน 72 บริษัท มีมูลค่าระดมทุนสูงกว่า 58,710 ล้านบาท และบริษัทจดทะเบียนไทยได้เสนอขายหุ้นเพิ่มทุนในตลาดรอง (SPO) จำนวน 329 บริษัทมีมูลค่าระดมทุนรวม 229,445 ล้านบาท ซึ่งจากการเพิ่มทุนและการเข้ามาจดทะเบียนซื้อขายใหม่ในตลาดหุ้นไทยย่อมส่งผลให้บริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น เมื่อพิจารณาการจ้างงานจากฐานข้อมูลจำนวนพนักงานของบริษัทจดทะเบียนที่ซื้อขายในตลาดหุ้นไทย พบว่า ณ สิ้นปี 2567 บริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย 848 บริษัท มีจำนวนพนักงานรวม 1,988,063 คน เพิ่มขึ้น 21,590 คน หรือเพิ่มขึ้น 1.10% จากสิ้นปี 2566 (ตารางที่ 2) โดยเป็นการเพิ่มขึ้นสุทธิของจำนวนพนักงานในบริษัทจดทะเบียนใน SET รวม 18,932 คน และใน mai รวม 2,658 คน
.jpg)
เมื่อพิจารณาจำนวนพนักงานของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยในปี 2567 เปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยจำแนกออกเป็น 3 กลุ่ม (ตารางที่ 3) พบว่า ส่วนใหญ่เป็นผลจากการเปิดเผยจำนวนพนักงานของบริษัทจดทะเบียนเข้าใหม่ในปี 2567 ขณะที่บริษัทจดทะเบียนในตลาดก่อนปี 2567 มีจำนวนพนักงานเพิ่มขึ้นสุทธิรวม 4,735 คน ตามรายละเอียด ดังนี้
• กลุ่มที่ 1 การจ้างงานของบริษัทจดทะเบียนในตลาดก่อนปี 2567 พบว่า มีจำนวนพนักงานเพิ่มขึ้นสุทธิ 4,735 คน
• กลุ่มที่ 2 การจ้างงานของบริษัทจดทะเบียนที่จดทะเบียนเข้าซื้อขายใหม่ในปี 2567 ซึ่งมีจำนวนพนักงานรวม 23,878 คน และ
• กลุ่มที่ 3 การหยุดเปิดเผยข้อมูลจำนวนพนักงานของบริษัทจดทะเบียนที่ถูกเพิกถอนจากการเป็นบริษัทจดทะเบียน ในปี 2567 รวม 5,745 คน
.jpg)
และจากข้อมูลที่บริษัทจดทะเบียนแต่ละบริษัทเปิดเผยในแบบแสดงรายงานข้อมูลประจำปี/รายงานประจำปี แบบ 56-1 One Report และ 56-1 Structured Data Report พบว่า การเพิ่มขึ้นของจำนวนพนักงานในปี 2567 ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการขยายตัวของธุรกิจการท่องเที่ยวและสันทนาการ และธุรกิจพาณิชย์ ขณะที่สาเหตุของการลดจำนวนพนักงานของบางบริษัทในปี 2567 ส่วนหนึ่งเป็นผลจาก 1) การปรับเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจ 2) การลงทุนเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน และ 3) การปรับโครงสร้างองค์กร
ในปี 2567 บริษัทจดทะเบียนในกลุ่มบริการมีจำนวนพนักงานมากที่สุดและเป็นกลุ่มที่มีจำนวนพนักงานเพิ่มขึ้นมากที่สุด เมื่อเทียบกับกลุ่มอุตสาหกรรมอื่นๆ โดยเฉพาะพนักงานในธุรกิจพาณิชย์ การท่องเที่ยวและสันทนาการ และการแพทย์
เมื่อพิจารณาจำนวนพนักงาน ณ สิ้นปี 2567 จำแนกตามกลุ่มอุตสาหกรรม (ภาพที่ 2) พบว่า กลุ่มบริการมีจำนวนพนักงานมากที่สุดเมื่อเทียบกับกลุ่มอุตสาหกรรมอื่นๆ โดยมีจำนวนพนักงานรวม 666,633 คน หรือประมาณ 33.5% ของจำนวนพนักงานทั้งหมดของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย ทั้งนี้ ส่วนหนึ่งเนื่องมาจากลักษณะการประกอบธุรกิจที่ต้องจ้างพนักงานจำนวนมากในการให้บริการ (labor intensive industry) อีกทั้งบริษัทจดทะเบียนในกลุ่มบริการธุรกิจมีการขยายตัวตามการมาตรการการส่งเสริมของทางภาครัฐ โดยเฉพาะบริษัทจดทะเบียนในหมวดธุรกิจพาณิชย์ ธุรกิจการแพทย์ และธุรกิจการท่องเที่ยวและสันทนาการ ตามมาด้วยกลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร กลุ่มธุรกิจการเงิน และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และสิ่งก่อสร้าง ตามลำดับ โดยกลุ่มสินค้าอุปโภคและบริโภคมีจำนวนพนักงานน้อยที่สุด
.jpg)
หากพิจารณาการเปลี่ยนแปลงของจำนวนพนักงาน ณ สิ้นปี 2567 เทียบกับ ณ สิ้นปี 2566 จำแนกตามกลุ่มอุตสาหกรรม (ภาพที่ 3) พบว่า กลุ่มบริการมีจำนวนพนักงานเพิ่มขึ้นมากที่สุด โดยเพิ่มขึ้นสุทธิ 13,498 คน หรือคิดเป็น 62.5% ของจำนวนพนักงานที่เพิ่มขึ้นทั้งหมดในปี 2567 โดยมีปัจจัยสนับสนุนสำคัญจาก 1) การจ้างงานเพิ่มขึ้นของบริษัทจดทะเบียนในตลาดก่อนปี 2567 และ 2) การจ้างงานของบริษัทจดทะเบียนเข้าใหม่ในปี 2567 ตามมาด้วยกลุ่มทรัพยากร ที่มีจำนวนพนักงานเพิ่มขึ้นสุทธิ 6,247 คน คิดเป็น 28.9% และกลุ่มธุรกิจการเงิน ที่มีจำนวนพนักงานเพิ่มขึ้นสุทธิ 5,981 คน คิดเป็น 27.7% ตามลำดับ
ภาพที่ 3 การเปลี่ยนแปลงจำนวนพนักงาน ณ สิ้นปี 2567 เทียบกับ ณ สิ้นปี 2566 จำแนกตามกลุ่มอุตสาหกรรม
ที่มา: ฝ่ายวิจัย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
(ข้อมูลของบริษัทจดทะเบียน 821 บริษัท ในปี 2566 และ 848 บริษัท ในปี 2567)
ณ สิ้นปี 2567 บริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย มีสัดส่วนการจ้างงานคิดเป็น 5.0% ของจำนวนผู้มีงานทำทั้งหมดในประเทศไทย เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก ณ สิ้นปี 2566 ที่อยู่ที่ระดับ 4.9%
เมื่อพิจารณาการจ้างงานของจำนวนพนักงานบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยเทียบกับจำนวนผู้มีงานทำทั้งหมดในประเทศไทย ที่มีจำนวน 39,810,000 คน (ภาพที่ 4) พบว่า ณ สิ้นปี 2567 บริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยมีสัดส่วนการจ้างงานคิดเป็น 5.0% ของจำนวนผู้มีงานทำในประเทศไทย เพิ่มขึ้นจาก 4.9% ณ สิ้นปี 2566
ภาพที่ 4 สัดส่วนจำนวนพนักงานของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย เปรียบเทียบกับจำนวนผู้มีงานทำในประเทศไทย ในปี 2561 - 2567 (หน่วย % ของจำนวนผู้มีงานทำในประเทศ)
ที่มา: ฝ่ายวิจัย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย; สำนักงานปลัดกระทรวงแรงงาน
โดยสรุปอาจกล่าวได้ว่า ตลาดหุ้นไทยมีส่วนสำคัญในการจ้างงานในประเทศไทย โดยกลุ่มบริการมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นสูงสุด อย่างไรก็ตาม การจ้างงานของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยต่างๆ ทั้งภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว และทิศทางเศรษฐกิจและนโยบายภาษีของประเทศคู่ค้า ซึ่งภาครัฐควรให้ความสำคัญและเตรียมนโยบายสนับสนุนเพื่อรักษาระดับการจ้างงาน
ข่าวเด่น