เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
Special Report : ตลาดโลกมอง Fed อาจเริ่มลดดอกเบี้ย ก.ย. 68 นี้ หลังการจ้างงานในสหรัฐตกต่ำ


ตลาดแรงงานสหรัฐที่กำลังอ่อนตัวลงอย่างมาก ผนวกกับแรงกดดันจากมาตรการภาษีชุดใหม่ที่ทรัมป์เรียกเก็บจากหลายประเทศ ผลักดันให้เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มเข้าสู่สภาวะชะลอตัว ซึ่งทำให้เกิดความคาดหวังว่า Fed อาจตัดสินใจปรับลดดอกเบี้ยลงในการประชุมเดือน ก.ย. เพื่อพยุงความสมดุลระหว่างเงินเฟ้อและการจ้างงานไม่ให้ด้านใดด้านหนึ่งเสียหายเกินไปในช่วงเวลาที่เปราะบางเช่นนี้
 
จากรายงานของสำนักสถิติแรงงาน กระทรวงแรงงานสหรัฐ ระบุว่า การจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐ ในเดือน ก.ค. (ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 1 ส.ค. 2568) เพิ่มขึ้นเพียง 73,000 ตำแหน่ง ซึ่งชะลอตัวลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 106,000 ตำแหน่ง ขณะที่ตัวเลขหลังปรับทวนแล้วเดือน มิ.ย. เพิ่มขึ้นเพียง 14,000 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นตัวเลขที่ต่ำที่สุดในรอบเกือบ 5 ปี โดยทาง แมรี่ ดาลี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารธนาคารกลางสหรัฐ หรือ Fed แห่งซานฟรานซิสโก เปิดเผยว่า การลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% จำนวน 2 ครั้ง ตามที่เคยประเมินไว้ในเดือน มิ.ย. ยังคงเป็นแนวทางที่เหมาะสม แต่ก็มีแนวโน้มว่าอาจจำเป็นต้องมีการลดดอกเบี้ยมากกว่า 2 ครั้ง พิจารณาจากตลาดแรงงานที่อ่อนแอลงอย่างมากเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
 
 
 
 
สอดคล้องกับมุมมองต่อดอกเบี้ยของนักลงทุนในตลาดส่วนใหญ่ที่เปลี่ยนแปลงไป  โดยข้อมูลจาก FedWatch Tool ของ CME บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนักเพิ่มกว่า 85.5% ว่าเฟดจะมีการลดดอกเบี้ยลง 0.25% ในเดือน ก.ย. จากที่ก่อนหน้านี้ที่ให้น้ำหนักเพียง 63.1% เท่านั้น นอกจากนี้ยังคาดการณ์ว่า Fed อาจมีการปรับลดดอกเบี้ยลงต่อเป็น 3 ครั้งรวด ในการประชุมเดือน ต.ค. และ ธ.ค. ด้วยอัตราครั้งละ 0.25% ซึ่งจะส่งผลให้ดอกเบี้ยนโยบายจะปรับลดลงไปสู่ระดับ 3.50-3.75% ในช่วงสิ้นปี 2568 นี้
 
โดยการที่ตลาดแรงงานสหรัฐอ่อนตัวลง หมายถึงคนตกงานมากขึ้น มีรายได้ลดลง และกำลังซื้อของผู้บริโภคก็ลดต่ำลงไปด้วย ส่งผลให้เศรษฐกิจเกิดการชะลอตัว ขณะที่ช่วงเวลานี้สินค้าอุปโภคบริโภคก็แพงขึ้นจากภาษีนำเข้า ซึ่งจัดเป็นเงินเฟ้อเชิงต้นทุน (Cost-push Inflation) ไม่ใช่เงินเฟ้อที่เกิดจากอุปสงค์ หรือก็คือไม่ใช่เพราะคนในประเทศใช้เงินเยอะ เลยเกิดเงินเฟ้อขึ้น ดังนั้นการสร้างสมดุลระหว่างเงินเฟ้อกับการจ้างงานด้วยการลดดอกเบี้ย จึงเป็นทางออกที่ดีที่สุด เพราะมันคือการทำให้ต้นทุนเงินกู้ลดลง ซึ่งจะผลักดันให้คนลงทุน ตลาดหุ้นดีขึ้น คนก็จะรู้สึกว่ารวยขึ้น เลยมีการใช้จ่ายมากขึ้น ส่งผลให้ธุรกิจขยายตัว และการจ้างงานก็จะเพิ่มขึ้นมาอีกครั้ง
 
ทั้งนี้ การลดดอกเบี้ยก็ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงตามกลไกทางการเงิน ซึ่งเป็นผลบวกต่อผู้ผลิตและส่งออกสินค้าของสหรัฐไปยังทั่วโลกอีกด้วย โดยทางโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ มีการกล่าวล่าสุดว่า การที่ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าไม่ได้แปลว่าอ่อนแอ แต่เป็นการอ่อนตัวเพื่อสร้างสมดุลทางเศรษฐกิจและเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน โดยจะช่วยให้สินค้าสหรัฐมีราคาที่สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้มากขึ้น ทำให้อุตสาหกรรมการผลิตฟื้นตัว ส่วนการท่องเที่ยวก็จะคึกคักขึ้น เพราะนักท่องเที่ยวต่างชาติสามารถมีอำนาจใช้จ่ายในสหรัฐมากขึ้น นอกจากนี้ตลาดหุ้นสหรัฐก็จะได้รับแรงหนุนมากขึ้น โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มของอุตสาหกรรมและเทคโนโลยี
 
โดยความเป็นไปได้ที่ Fed จะเริ่มลดดอกเบี้ยในเดือน ก.ย. นี้ มีความหวังมากขึ้นอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาจากการลาออกก่อนกำหนดของอาเดรียนา คูเกลอร์ ผู้ว่าการของ Fed ที่จะมีผลในวันที่ 8 ส.ค.นี้ ซึ่งทำให้ทรัมป์สามารถแต่งตั้งผู้ว่าการคนใหม่ได้ แต่อย่างไรก็ตามก่อนการประชุมในเดือน ก.ย. ยังมีการประชุมประจำปีของ Fed ในวันที่ 21 - 23 ส.ค. ภายใต้หัวข้อตลาดแรงงานในช่วงเปลี่ยนผ่านโครงสร้างประชากร ประสิทธิภาพการผลิต และนโยบายเศรษฐกิจมหภาค ที่ต้องติดตามว่าในการกล่าวปาฐกถาของนายเจอโรม พาวเวล ประธาน Fed ว่าจะส่งสัญญาณถึงทิศทางดอกเบี้ยอย่างไรบ้าง

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 07 ส.ค. 2568 เวลา : 17:58:27
09-09-2025
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ September 9, 2025, 3:48 am