
มองตลาดจะเแกว่งตัวไซด์เวย์/ลุ้นรีบาวด์ตามแนวรับ นักลงทุนสถาบันขายสุทธิต่อเนื่องกดดัน ส่วนนักลงทุนต่างชาติเริ่มขายสุทธิเล็กน้อยในตลาดหุ้นในภูมิภาควานนี้ ตลาดติดตามคดีการเมืองวันที่ 22 ส.ค. นี้ และงานสัมมนาที่ Jackson Hole ปลายสัปดาห์ ด้านเทคนิคปรับตัวลงแรงหลังหลุด 1250 การลงมีแนวรับหลักถัดไปที่ 1235/1230 ที่จะทำให้รีบาวด์ได้ ส่วนแนวต้านประเมินไว้ที่ 1250/1255
ประเด็นสำคัญ
• สภาพัฒน์เผย 2Q68 GDP ไทยขยายตัว 2.8%YoY สูงกว่าที่ตลาดคาดแต่ชะลอจากไตรมาสก่อนที่ 3.1%YoY หนุนจากการเร่งส่งออกไปยังสหรัฐฯ ก่อนการบังคับใช้ภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ แต่การบริโภคในประเทศและการเบิกจ่ายภาครัฐยังชะลอตัว และปรับขึ้นคาดการณ์ GDP ปี 2568 ขึ้นเป็น 2.0% จาก 1.8% ตามประมาณการการค้าโลกที่เพิ่มขึ้น
• คลังร่วมกับ ก.ล.ต., ปปง. และกระทรวงท่องเที่ยวฯเปิดตัว “TouristDigiPay” หนุนการนำเงินดิจิทัลแลกเป็นเงินบาทเพื่อนำไปใช้จ่าย เพิ่มทางเลือกแก่ นทท. ต่างชาติและส่งเสริมนวัตกรรมการเงินและสินทรัพย์ดิจิทัล เฟสแรกจะเป็นการทดสอบ (Sandbox) 18 เดือน เริ่มต้นใน 4Q68 คาดช่วยการใช้จ่ายสร้างรายได้เข้าประเทศ 1.75 แสนลบ.
• BOI เผยว่าได้หารือร่วมกับ ตลท. เพื่อพัฒนาความร่วมมือเปลี่ยนผ่านไทยไปสู่เศรษฐกิจใหม่ ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน ผ่าน 2 แนวทาง คือการการดึงบริษัทชั้นนำจากต่างประเทศที่เข้ามาตั้งฐานธุรกิจในประเทศไทย และสนับสนุนให้บริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์อยู่แล้วลงทุนเพื่อเพิ่มมูลค่า
• PBOC ส่งสัญญาณจะไม่ดำเนินนโยบายผ่อนคลายการเงินแบบเชิงรุก เช่น การลดดอกเบี้ย แม้รัฐบาลจีนได้เผยตัวเลข ศก. ที่น่าผิดหวังเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา และเผยว่าการที่รัฐบาลจีนดำเนินการกวาดล้างการแข่งขันด้านราคาที่ไร้ระเบียน ควบคู่กับการปรับนโยบายเพื่อกระตุ้นการบริโภค จะเป็นบวกต่อภาวะเงินเฟ้อ
• ตลท. เผยข้อมูลถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศถึง มิ.ย. 2568 พบว่ามีการถือครองรวม 4.43 ล้านลบ. หรือคิดเป็น 32.99% ของมูลค่าตลาดทั้งหมด ลดลงเมื่อเทียบกับ ณ สิ้นปี 2567 ที่ถือครอง 5.84 ล้านลบ. หรือคิดเป็น 33.82% มีสาเหตุจากการปรับตัวลงของราคา, การขายสุทธิในช่วง 6 เดือนแรก และการเพิกถอนการเป็น บจ.
กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET มีโอกาสพักฐาน หลังดัชนีปรับขึ้นต่อเนื่องจนเข้าใกล้แนวต้านสำคัญที่ 1280/1300 จุด ซึ่งคาดได้สะท้อนถึงแรงหนุนจาก Fund Flow ที่ไหลเข้าและการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายของ กนง. ไปแล้วในระดับหนึ่ง สัปดาห์นี้คาดการส่งออกไทยจะออกมาดีกว่าตลาดคาดเช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นในช่วงก่อนหน้า ขณะที่ 2Q68 GDP ไทยขยายตัว 2.8%YoY สูงกว่าตลาดคาด ส่วนประเด็นการเมืองที่เกี่ยวกับคดีของอดีตนายกฯ ทักษิณมองไม่มีนัยยะกับตลาด แต่ต้องจับตา ป.ป.ช. ว่าจะมีมติส่งคดีตามมาตรา 144 ซึ่งเกี่ยวกับการโยกงบประมาณไปใช้ในโครงการ Digital Wallet ให้ศาล รธน. วินิจฉัยหรือไม่ ซึ่งอาจเพิ่มความผันผวนให้กับตลาดได้ กลยุทธ์ลงทุนแนะนำให้ “Selective Buy”
ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์
มอง SET มีโอกาสพักฐาน ขณะที่มีหลายประเด็นที่ต้องเฝ้าติดตาม จากก่อนหน้านี้ดัชนีได้รับแรงหนุนจาก Fund Flow ไหลเข้า กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy” ใน 2 ธีม หลักและ 3 ธีมเทรดดิ้ง ที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้
1. หุ้น Earnings Play ซึ่งคาด 2H68 ผลการดำเนินงานจะยังเติบโตดีทั้ง HoH และ YoY แรงหนุนจากปัจจัยฤดูกาลและจากปัจจัยบวกที่มีเฉพาะตัว ได้แก่ ADVANC BCPG GULF SCC TIDLOR
2. หุ้นปันผลที่มีคุณภาพดี (SET100 ที่มี SET ESG Ratings A ขึ้นไป) เพื่อสร้างกระแสเงินสดให้แก่พอร์ตลงทุนในระยะสั้น โดยคาดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากกำไร 1H68 และให้ Div. Yield เกิน 2% แนะนำ ADVANC BBL PTT SIRI TTB
3. Trading Idea : สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้และต้องการเก็งกำไร แนะนำ 1) หุ้น Laggard Play ซึ่งคาดได้อานิสงส์หาก Fund Flow ไหลเข้าต่อเนื่อง โดยเลือกหุ้น SET50 ซึ่งราคาหุ้นปรับขึ้น MTD ต่ำกว่า SET และ Valuation ถูก โดยมี PBV และ PER 2568F < -1SD อีกทั้งมีพื้นฐานดี (กำไรเติบโต ฐานะการเงินแข็งแกร่งและมี ESG Ratings A-AAA) แนะนำ BDMS CPALL MINT PTT WHA; 2) เก็งกำไรหุ้นใน SET50 ที่ทางเทคนิคยังต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน และเราแนะนำ Outperform ได้แก่ BCP CBG GULF MTC; และ 3) หุ้นที่คาดได้อานิสงส์จากดอกเบี้ยขาลงและจาก GDP 2Q68 มีโอกาสออกมาดีกว่าตลาดคาด แนะนำ กลุ่มอสังหาฯ AP SIRI, กลุ่มค้าปลีก CPALL HMPRO GLOBAL และกลุ่ม REITs ได้แก่ FTREIT LHSC
Daily Top Picks
SAWAD: มีปัจจัยกระตุ้นระยะสั้นหลังการประชุมนักวิเคราะห์และงบ 2Q68 จากการปรับประมาณการกำไรขึ้น 15%–16% หลักๆจาก Opex ที่ลดลง โดยคาดกำไรทยอยฟื้นใน 2H68 ถึงปี 2569 หนุนด้วย Loan Growth, NIM ขยาย และขาดทุนทรัพย์รอขายลดลง โดย SAWAD จะกลับมาจ่ายปันผลปี 2568 ให้ Yield ราว 4.55%
HMPRO: หุ้นมีปัจจัยบวกจากเงินปันผลระหว่างกาล คาดให้ผลตอบแทน 1H68 ที่ 2.2% และทั้งปี 2568 ที่ 5.9% ขณะที่ 3Q68TD คาด SSS ร้านโฮมโปรหดตัวเพียง 4% YoY และเมกาโฮมกลับมาโต 2% YoY (เทียบกับ -9% YoY และ -1.6% YoY ใน 2Q68) จากสภาพอากาศปกติ หนุนยอดขายเครื่องใช้ไฟฟ้าทำความเย็นฟื้นใน 2H68
ข่าวเด่น