การค้า-อุตสาหกรรม
บอร์ดพืชน้ำมันฯ ไฟเขียวเปิดโควตานำเข้า 3 กลุ่มสินค้า กากถั่วเหลือง - เมล็ดถั่วเหลือง-มะพร้าว กำหนดกรอบ 3 ปี พร้อมวางกลไกสร้างสมดุล ยกระดับรายได้เกษตรกร


 

นายฉันทานนท์ วรรณเขจร เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการพืชน้ำมันและน้ำมันพืช เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2568 นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งได้รับมอบหมายจาก นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการพืชน้ำมันและน้ำมันพืช ครั้งที่ 1/2568 ณ ห้องกิติยากรวรลักษณ์ กระทรวงพาณิชย์ โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม เพื่อพิจารณาแนวทางการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมพืชน้ำมันและน้ำมันพืชของประเทศให้มีความมั่นคงและยั่งยืน ที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบในประเด็นสำคัญเพื่อบริหารจัดการสินค้าพืชน้ำมันและน้ำมันพืชให้เกิดความสมดุล ทั้งในมิติของการสร้างความมั่นคงทางวัตถุดิบให้กับภาคอุตสาหกรรม และการดูแลเกษตรกรในประเทศ โดยมีสาระสำคัญดังนี้

 
1. การเปิดตลาดและการบริหารการนำเข้าสินค้ากากถั่วเหลืองที่นำเข้ามาเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมผลิตเพื่อมนุษย์บริโภค และกากถั่วเหลืองที่นำเข้ามาเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมอื่น ๆ ปี คราวละ 3 ปี (ปี 2568 – 2570) ตามพันธกรณีตามความตกลงการเกษตรภายใต้องค์การการค้าโลก (WTO) ปริมาณ 230,559 ตัน อัตราภาษีในโควตาร้อยละ 10 นอกโควตาร้อยละ 133 และความตกลงการค้าเสรี (FTA) อื่นๆ  ตามข้อผูกผันไว้ ซึ่งกากถั่วเหลืองที่นำเข้ามาเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมผลิตเพื่อมนุษย์บริโภค จะต้องเป็นกากถั่วเหลืองฯ Non GMO เพื่อให้อุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร เช่น ซอส ซีอิ้ว เป็นต้น เพื่อลดต้นทุนและสามารถแข่งขันกับผลิตภัณฑ์ต่างประเทศได้ พร้อมหลักเกณฑ์การจัดสรรปริมาณการนำเข้าในโควตาภายใต้พันธกรณี WTO  สำหรับสินค้ากากถั่วเหลืองฯ เพื่อสร้างความอำนวยสะดวกให้กับผู้ประกอบการ

 
 
2. การเปิดตลาดและบริหารการนำเข้าเมล็ดถั่วเหลือง (ปี 2569 – 2571) เห็นชอบให้เปิดตลาดและบริหารการนำเข้าเมล็ดถั่วเหลืองเป็นระยะเวลา 3 ปี ภายใต้พันธกรณี WTO โดยไม่จำกัดปริมาณและมีอัตราภาษีร้อยละ 0 เนื่องจากความต้องการใช้ในประเทศสูงถึง 3.6 – 4.0 ล้านตันต่อปี ขณะที่ผลผลิตในประเทศมีเพียง 15,000 - 16,000 ตันต่อปี มาตรการดังกล่าวจะช่วยให้มีวัตถุดิบเพียงพอสำหรับอุตสาหกรรมสกัดน้ำมัน อาหารสัตว์ และแปรรูปอาหาร พร้อมกันนี้ ที่ประชุมได้กำหนดกลไกดูแลเกษตรกรอย่างเข้มแข็ง ได้แก่ การยกระดับราคา คาดการณ์ว่าราคาถั่วเหลืองในประเทศปี 2569 จะปรับตัวสูงขึ้นไม่น้อยกว่ากิโลกรัมละ 1 บาท เพื่อสร้างแรงจูงใจให้เกษตรกรขยายพื้นที่เพาะปลูก สนับสนุนการรวบรวม ซึ่งภาคเอกชนพร้อมสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการรวบรวมผลผลิตให้แก่สหกรณ์การเกษตร/วิสาหกิจชุมชน เพิ่มขึ้นในอัตรากิโลกรัมละ 2 บาท เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้สถาบันเกษตรกร

 
3. การเปิดตลาดและบริหารการนำเข้ามะพร้าวและผลิตภัณฑ์ (ปี 2569 – 2571) เห็นชอบให้เปิดตลาดและบริหารการนำเข้าสินค้าน้ำมันถั่วเหลืองและแฟรกชัน, มะพร้าว, มะพร้าวฝอย, เนื้อมะพร้าวแห้ง และน้ำมันมะพร้าวและแฟรกชัน เป็นระยะเวลา 3 ปี ภายใต้พันธกรณี WTO และ FTA อื่นๆ โดยเน้นการสร้างสมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทานในประเทศ รักษาเสถียรภาพราคาไม่ให้เกิดความผันผวนจนส่งผลกระทบต่อเกษตรกรผู้ปลูกมะพร้าว พร้อมหลักเกณฑ์การจัดสรรปริมาณการนำเข้าในโควตาภายใต้พันธกรณี WTO 

 
ทั้งนี้ ที่ประชุมยังแต่งตั้งคณะอนุกรรมการกำกับดูแลที่มีตัวแทนจากทุกภาคส่วนร่วมบริหารจัดการ โดยแต่งตั้งคณะอนุกรรมการกำกับดูแล ประกอบด้วยภาครัฐ เกษตรกร และเอกชน เพื่อกำกับดูแลการดำเนินการให้เป็นไปตามมติอย่างมีประสิทธิภาพ โดยแต่งตั้งคณะอนุกรรมการบริหารจัดการสินค้ามะพร้าว มีปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานอนุกรรมการ เพื่อให้การบริหารจัดการสินค้ามะพร้าวและผลิตภัณฑ์ เป็นไปตามนโยบาย เงื่อนไข และมาตรการนำเข้าสินค้ามะพร้าว ตามมติคณะกรรมการพืชน้ำมันและน้ำมันพืช และยังได้มีมติแต่งตั้งคณะอนุกรรมการกำกับ ดูแลเมล็ดถั่วเหลือง โดยมี เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร เป็นประธานอนุกรรมการ เพื่อทำหน้าที่กำกับดูแลการนำเข้าให้เป็นไปตามนโยบายที่กำหนด

“การประชุมครั้งนี้ ถือเป็นการกำหนดการบริหารจัดการสินค้าพืชน้ำมันและน้ำมันพืชตลอดโซ่อุปทานให้เป็นไปอย่างมีระบบ สอดคล้องกับพันธกรณีการค้าระหว่างประเทศ พร้อมสร้างความเชื่อมั่นว่าภาคอุตสาหกรรมจะมีวัตถุดิบอย่างเพียงพอ ขณะเดียวกันก็มีกลไกที่ชัดเจนในการดูแล และยกระดับรายได้ให้แก่เกษตรกรอย่างเป็นรูปธรรม” เลขาธิการ สศก. กล่าว

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 19 ส.ค. 2568 เวลา : 14:04:09
25-08-2025
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ August 25, 2025, 2:55 pm