การตลาด
Scoop : เครื่องสำอางแบรนด์ไทย เติบโตต่อเนื่อง ความหวังขับเคลื่อน GDP ไทย


Thai Beauty หรือเทรนด์ความงามในแบบไทย กำลังมีบทบาทสำคัญในระดับสากลกว่าแต่ก่อนมาก จากการผลักดันของอุตสาหกรรมบันเทิงไทยที่ส่งต่อคอนเทนต์ต่าง ๆ ไปสู่ผู้คนทั่วโลก ซึ่งได้สร้างชื่อเสียงให้กับบุคลากรในอุตสาหกรรม ทั้งดารา นักร้อง นักแสดง นางงาม ไปจนถึง Influencer ชาวไทยในหลากหลายกลุ่ม ทำให้ภาพลักษณ์ความงามของคนไทย ก็ได้เป็นที่นิยมตามไปด้วย
 
ไม่ว่าจะเป็น Thai Skincare หรือ Thai Makeup ก็กำลังเป็นที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จากทั้งตลาดในประเทศและตลาดต่างประเทศ โดยตามบทวิเคราะห์ของ Krungthai Compass ธนาคารกรุงไทย รายงานว่า มูลค่าตลาดเครื่องสำอางโดยรวมของไทยในปี 2568-2569 มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องจนเข้าสู่ระดับที่สูงกว่าก่อนเกิดวิกฤตโควิด ซึ่งคาดว่าจะขยายตัวที่ 13.2%YoY และ 12.3%YoY ตามลำดับ โดยได้รับอานิสงส์จากทิศทางเศรษฐกิจไทยที่ปรับตัวดีขึ้น จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและภาคการท่องเที่ยวระยะสั้นของรัฐบาล เช่น โครงการ Easy E-Receipt 2.0 รวมถึงกำลังซื้อจากนักท่องเที่ยวที่ทยอยกลับมา โดยเบื้องต้นประเมินว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติใน 2 ปีดังกล่าวจะอยู่ที่ 38.5 และ 41.2 ล้านคนตามลำดับ
 
สำหรับในตลาดส่งออก พบว่า มีสัดส่วนอยู่ที่ 21% และยังมีโอกาสขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเครื่องสำอางไทยเป็นที่ต้องการของตลาดต่างประเทศ อีกทั้งยังได้รับสิทธิประโยชน์ด้านภาษีตามความตกลง FTA กับ 18  ประเทศ เช่น อาเซียน จีน หรือ ญี่ปุ่น ซึ่งคาดว่าขยายตัวต่อเนื่องที่ 12.8%YoY ในปี 2568 และ 10.3%YoY ในปี 2569  โดยมีตลาดหลักอย่างอาเซียน (30%) จีน (12%) ออสเตรเลีย (10%) ญี่ปุ่น (8%) และ อินเดีย (6%) ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่า อุตสาหกรรมเครื่องสำอางมีทิศทางที่เติบโตควบคู่ไปกับอุตสาหกรรมความบันเทิงของไทย ที่เติบโตระดับสากลมากขึ้น โดยเฉพาะสามารถเจาะตลาดเพื่อนบ้านใกล้เคียง เช่น อาเซียน และเอเชีย ประกอบกับต้นทุนส่วนของธุรกิจเครื่องสำอางกว่า 22% เป็นต้นทุนที่เกิดจากค่าโฆษณา และค่ากิจกรรมส่งเสริมสินค้าเป็นหลัก ที่มักจะจ้างคนในวงการบันเทิงเป็นพรีเซ็นเตอร์
 
สำหรับตลาดในประเทศที่มีสัดส่วนอยู่ที่ 79% ก็คาดว่าจะขยายตัวต่อเนื่องที่ 13.3%YoY ในปี 2568 และ 12.8%YoY ในปี 2568 ซึ่งจะเข้าสู่ระดับที่สูงกว่าก่อนเกิดวิกฤตโควิด ตามการเติบโตของแบรนด์เครื่องสำอางไทย ที่สะท้อนจากจำนวนผู้ประกอบการไทยในธุรกิจนี้ในปี  2567 ที่เพิ่มขึ้นกว่าปี 2562 ถึง 105% ซึ่งก็ทำให้ผู้บริโภคไทยมีทางเลือกในสินค้าจากประเทศตัวเองที่มีเพิ่มมากขึ้น และเทรนด์ความงามที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้เกิดการบริโภคที่มากขึ้นตามไปด้วย
 
แต่ทั้งนี้ แม้ธุรกิจเครื่องสำอางไทย จะได้รับอานิสงส์โดยตรงจากอุตสาหกรรมบันเทิงของไทย ที่กำลังสร้างเทรนด์ความงามตามแบบฉบับไทยก็ตาม แต่ในธุรกิจนี้มีการแข่งขันที่แรงมาก โดยเฉพาะจากประเทศจีน ที่เป็นผู้ส่งออกเครื่องสำอางอันดับ 6 ของโลก และยังได้สิทธิประโยชน์ด้านภาษีนำเข้า 0% จาก Free Trade Area (FTA) ซึ่งด้วยการทำต้นทุนได้ถูกกว่า เนื่องจากมีกำลังการผลิตที่สูงแล้ว อุตสาหกรรมความบันเทิงของจีนก็กำลังผลักดันออกสู่ระดับโลกเช่นกัน มีการสร้างชื่อเสียงให้กับนักแสดงจีนตีตลาดโลกเหมือนกัน ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับเทรนด์ความงามจากจีน ที่จะผลักดันธุรกิจเครื่องสำอางสัญชาติจีนด้วย ซึ่งหากเทียบมูลค่าการส่งออกเครื่องสำอางของจีนในปี 2567 เทียบกับปี 2562 จะพบว่า จีนส่งออกเครื่องสำอางไปทั่วโลกเพิ่มขึ้น 47.2% ขณะที่ส่งออกไปสหรัฐ อาเซียน และไทย เพิ่มขึ้น 26.4% 53.3% และ 73.7% ตามสำดับ
 
แม้ว่าเครื่องสำอางแบรนด์ไทย กำลังมีทิศทางการเติบโตที่ต่อเนื่อง แต่ภายภาคหน้าอาจเจอเข้ากับสงครามราคา ทั้งจากในประเทศ และจากประเทศที่เป็นผู้แข่งขันอย่างจีน ดังนั้นอาจจะต้องมีการหยิบยก ESG ที่กำลังเป็นกระแสเข้ามาปรับเปลี่ยนการดำเนินธุรกิจ เช่น การผลิตที่ไม่สร้างมลพิษทางน้ำและอากาศ หลีกเลี่ยงการทดสอบกับสัตว์ การจัดหาวัตถุดิบและราคาที่เป็นธรรม ไปจนถึงการใช้ส่วนผสมที่ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพและสภาพแวดล้อม ก็เป็นการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันให้กับเครื่องสำอางสัญชาติไทยมากขึ้นในตลาดโลกได้

LastUpdate 24/08/2568 20:50:12 โดย : Admin
25-08-2025
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ August 25, 2025, 6:14 am