
มูลค่าการส่งออกสินค้าไทยเดือน ก.ค. 2025 ยังขยายตัวสูง 11% มูลค่า 28,580.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐชะลอลงบ้างจาก 15.5%YOY ในเดือนก่อน แต่ชะลอตัวน้อยกว่าที่ประเมินไว้ (SCB EIC ประเมิน 8.1% และค่ากลาง Reuter Poll 9.6%) และข้อมูลส่งออกแบบปรับฤดูกาลหดตัว -1.6%MOM_SA จากเดือนก่อน (ต่อเนื่องจากการหดตัว -1%MOM_SA ในเดือนก่อน) ภาพรวมมูลค่าส่งออกไทยช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ยังขยายตัวสูงที่ 14.4% (รูปที่ 1 และ 2)
ส่งออกเดือนนี้ยังได้รับแรงส่งจากการส่งออกไปสหรัฐฯ และส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ไปหลายตลาด
(1) การเร่งส่งออกไปสหรัฐฯ ก่อนได้รับผลกระทบจากกำแพงภาษีเต็มที่ในเดือน ส.ค. การส่งออกไปสหรัฐฯ ขยายตัวสูง 31.4% แม้ชะลอจาก 41.9% ในเดือนก่อน โดยขยายตัวได้ดีใน 14 จาก 15 กลุ่มสินค้าสำคัญที่ส่งออกไปสหรัฐฯ โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกส์หลักที่ยังไม่ถูกเก็บภาษีเจาะจงรายสินค้าที่สหรัฐฯ อาจประกาศเพิ่มเติม ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบขยายตัว 84.9% เครื่องโทรสาร โทรศัพท์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ 24.4% แผงวงจรไฟฟ้า 45.2% นอกจากนี้ ไทยยังส่งออกทองคำไปสหรัฐฯ ได้มากถึง 161.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เทียบกับเดือนก่อนที่ 0.01 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ดี รถยนต์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบซึ่งเป็นสินค้าสำคัญที่ถูกสหรัฐฯ เก็บภาษีเฉพาะเจาะจงรายสินค้าในอัตรา 25% ไปแล้ว หดตัวมากถึง -26.7% รุนแรงกว่า -2.6% ในเดือนก่อนมาก ทั้งนี้ การส่งออกไปสหรัฐฯ มีส่วนช่วยให้การส่งออกไทยขยายตัวเพิ่มขึ้น (CTG) 5.8% กว่าครึ่งหนึ่งของการเติบโตส่งออกรวม 11%
(2) การส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์หลายชนิดยังขยายตัวได้ดี เช่น คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ สินค้ากลุ่มนี้ขยายตัวสูง 61% เพิ่มขึ้นจาก 57.7% ในเดือนก่อน โดยตลาดสหรัฐฯ และจีนชะลอตัวลงเหลือ 84.9% และ 38.2% ตามลำดับ จากขยายตัวสูงกว่า 118% และ 122.8% ในเดือนก่อนหน้า ขณะที่การส่งออกสินค้ากลุ่มนี้ขยายตัวสูงมากในตลาดมาเลเซีย, อินเดีย และสิงคโปร์ที่ 238%, 180.5% และ 165.2% ตามลำดับ ในด้านส่งออกสินค้าแผงวงจรไฟฟ้าขยายตัวสูง 57.7% จาก 47.8% ในเดือนก่อนหน้า โดยเฉพาะการส่งออกไปตลาดไต้หวัน, ฮ่องกง และจีนที่ขยายตัว 291.2%, 78% และ 69.4% ซึ่งคิดเป็นกว่า 53% ของมูลค่าการส่งออกแผงวงจรไฟฟ้าทั้งหมดของไทยในเดือนนี้ (หม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ และเครื่องส่งวิทยุ โทรเลข โทรศัพท์ โทรทัศน์ ก็ขยายตัวได้ดีเช่นกัน) ทั้งนี้การส่งออกกลุ่มนี้มีส่วนช่วยให้การส่งออกไทยเดือนนี้ขยายตัวเพิ่มขึ้น (CTG) 6.2% กว่าครึ่งหนึ่งของการเติบโตส่งออกรวม 11%
(3) การส่งออกสินค้าเกษตรขยายตัวสูง 21.5% จากการส่งออกผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็งและแห้ง ที่ขยายตัวกว่า 107.7% โดยเฉพาะในตลาดจีนขยายตัวสูงถึง 123.3% และคิดเป็นกว่า 92.1% ของมูลค่าการส่งออกผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็งและแห้งทั้งหมด นอกจากนี้ เครื่องเทศและสมุนไพร และเนื้อและส่วนต่าง ๆ ของสัตว์ที่บริโภคได้ ก็ขยายตัวดีเช่นกันที่ 93.6% และ 84.6% ทั้งนี้การส่งออกผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็งและแห้งมีส่วนช่วยให้การส่งออกไทยเดือนนี้ขยายตัวเพิ่มขึ้น (CTG) 2.1% จากการเติบโตส่งออกรวม 11%
มูลค่านำเข้าสินค้าชะลอตัว สอดคล้องทิศทางของมูลค่าการส่งออก
มูลค่าการนำเข้าสินค้าเดือน ก.ค. อยู่ที่ 28,258.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 5.1% ชะลอลงจาก 13.1% ในเดือน มิ.ย. และ 18.0% ในเดือน พ.ค. ต่ำกว่าประมาณการ (SCB EIC ประเมิน 7.5% และค่ากลาง Reuter Poll 4.9%) โดยการนำเข้าสินค้าทุนเป็นกลุ่มสินค้าหลักที่ขยายตัวสูงถึง 23.3% (โดยเฉพาะการนำเข้าจากจีนที่ขยายตัวต่อเนื่อง 54.2% จาก 48.7% และ 45.9% ในเดือน มิ.ย. และ พ.ค. ตามลำดับ และคิดเป็นกว่าครึ่ง 50.5% ของมูลค่าการนำเข้าสินค้าทุนของไทยทั้งหมดในเดือนนี้) ขณะที่การนำเข้าสินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป (รวมทองคำ), อาวุธและยุทธปัจจัย, สินค้าอุปโภคบริโภค และยานพาหนะและอุปกรณ์ขนส่งขยายตัว 11.3%, 7.8%, 5.5% และ 2.1% ตามลำดับ ด้านการนำเข้าสินค้าเชื้อเพลิงหดตัว -10.6% ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 11 (รูปที่ 3) ดุลการค้า (ระบบศุลกากร) เดือนนี้เกินดุล 322.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สวนทางกับที่คาดการณ์ไว้ว่าจะเริ่มขาดดุล (SCB EIC ประเมิน -1,300 และค่ากลาง Reuter Poll ที่ -500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) รวม 7 เดือนแรกของปี 2025 ดุลการค้าสะสมเริ่มกลับมาเกินดุล 259.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
สหรัฐฯ ประกาศภาษีนำเข้าตอบโต้อัตราใหม่ ไทยต่อรองลดอัตราภาษีลงมาได้เกือบครึ่งเหลือ 19% ปรับมุมมองให้ดีขึ้น ลดความเป็นไปได้ของ Worst case scenario
ในวันที่ 31 ก.ค. 2025 ทำเนียบขาวสหรัฐฯ ประกาศเก็บศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal tariff) อัตราใหม่กับ 72 ประเทศคู่ค้าทั่วโลกในช่วงอัตรา 10 – 50% (รวมภาษีเฉพาะเจาะจงรายประเทศ) มีผลบังคับใช้ ตั้งแต่วันที่ 7 ส.ค. 2025 และสหรัฐฯ จะเก็บภาษี Transshipment เพิ่ม 40% สำหรับสินค้าผ่านแดน หรือ ภาษีนำเข้าสินค้าที่มีขั้นตอนการผลิตโดยใช้ Local content หรือ Regional value content ต่ำ (แต่รายละเอียดของภาษี Transshipment นี้ยังไม่ชัดเจนว่า สหรัฐฯ จะมีเกณฑ์พิจารณาจากสัดส่วน Local content หรือ Regional value content เท่าใดในขั้นตอนการผลิตและส่งออกสินค้าไปสหรัฐฯ) สำหรับประเทศอื่น ๆ ที่ไม่ได้อยู่ในประกาศนี้จะถูกตั้งกำแพงภาษีในอัตราขั้นต่ำ 10%
ในภาพรวม สหรัฐฯ ประกาศภาษีตอบโต้อัตราใหม่รุนแรงน้อยลงจากที่เคยขู่ไว้ในช่วงเดือน ก.ค. ช่วยลดความน่าจะเป็นที่เศรษฐกิจโลกจะเกิดกรณีเลวร้าย โดย 1) ตั้งกำแพงภาษีตอบโต้สินค้าไทยลดลงจากที่ขู่ไว้ 36% เหลือ 19% เกาะกลุ่มกับประเทศคู่แข่งในอาเซียน ได้แก่ ฟิลิปปินส์, มาเลเซีย, อินโดนีเซีย และกัมพูชาที่ 19% และเวียดนามที่ 20% ซึ่งต่ำกว่าสินค้าจีนที่ถูกสหรัฐฯ เก็บเพิ่ม 30% ไปจนถึงเดือน พ.ย. ผลการเจรจาภาษีของไทยจึงมีส่วนช่วยลดความกังวลว่า ไทยจะสูญเสียความสามารถในการแข่งขันในตลาดสหรัฐฯ อย่างรุนแรงให้กับคู่แข่งประเทศอาเซียนและจีนไปได้บ้าง 2) ค่าเฉลี่ยกำแพงภาษีตอบโต้สินค้าของกลุ่มอาเซียนลดลงจาก 28% เหลือ 23% ค่าเฉลี่ยของเอเชียลดลงจาก 19% เหลือ 17% และค่าเฉลี่ยโลกลดลงจาก 16% เหลือ 14% อย่างไรก็ดี 3) สหรัฐฯ ตั้งกำแพงภาษีตอบโต้ประเทศกลุ่ม BRICS ในสูง ได้แก่ บราซิล 50%, อินเดีย 50%, จีน 30% และแอฟริกาใต้ 30% สำหรับรัสเซียถูกสหรัฐฯ คว่ำบาตรทางการค้าอยู่ (รูปที่ 4)
SCB EIC มองส่งออกไทยปีนี้จะยังขยายตัวได้ โดยจะชะลอลงในไตรมาส 3 และหดตัวสูง
ในไตรมาส 4 ขณะที่มุมมองส่งออกไทยปี 2026 จะหดตัว โดยเฉพาะช่วงครึ่งปีแรก
จากข้อมูลส่งออก 7 เดือนแรกของปีนี้ที่ออกมาดีกว่าคาดต่อเนื่อง SCB EIC จึงปรับประมาณการมูลค่าส่งออกไทยปีนี้จะขยายตัว 3.0% (เดิมมอง -0.1%) โดยมีสาเหตุหลักมาจาก 1) นโยบายการค้าโลกที่มีความชัดเจนมากขึ้น ความตึงเครียดระหว่างจีนและสหรัฐฯ ลดลง (หลังสหรัฐฯ ขยายข้อตกลงเก็บภาษีนำเข้าจีนในอัตรา 30% ชั่วคราวต่ออีก 90 วัน จนถึงวันที่ 10 พ.ย.) ส่งผลลบต่อเศรษฐกิจโลกน้อยกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้า 2) ไทยสามารถต่อรองลดอัตราภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ลงมาได้เกือบครึ่งเหลือ 19% 3) การส่งออกไทยขยายตัวสูงถึง 14.4% ในช่วง 7 เดือนแรกจากการเร่งส่งออกสินค้าไปสหรัฐฯ โดยเฉพาะสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่ยังคงได้รับการยกเว้นภาษีเฉพาะเจาะจงสินค้า 4) ปัจจัยส่งออกทองคำพิเศษไปอินเดียที่เป็นแรงหนุนหลักในช่วงไตรมาส 1 ของปีนี้ และ 5) ปัจจัยฐานต่ำในช่วงครึ่งปีแรกในปี 2024 มุมมองของ SCB EIC สอดคล้องกับกระทรวงพาณิชย์ที่มองว่า มูลค่าส่งออกไทยจะเริ่มชะลอตัวในเดือน ส.ค. และมีมุมมองมูลค่าส่งออกไทยปีนี้ขยายตัวในช่วง 2-3% และมีความเป็นไปได้ที่ตัวเลขอาจสูงกว่านี้
อย่างไรก็ดี การส่งออกไทยในช่วงท้ายปี 2025 มีแนวโน้มหดตัวสูง โดยเฉพาะในไตรมาส 4 เนื่องจาก
1) ส่งออกไทยยังเผชิญผลกระทบทางตรงและทางอ้อมจากภาษีนำเข้าสหรัฐฯ แม้หลายประเทศทั่วโลกจะสามารถเจรจาลดอัตราภาษีนำเข้าสหรัฐฯ ลงมาได้แต่อัตราภาษียังคงสูงกว่าช่วงก่อนทรัมป์ 2.0 และสูงกว่าอัตราขั้นต่ำ 10% ที่ถูกเก็บเพิ่มในช่วงเดือน เม.ย. ถึง ก.ค. มาก จึงน่าจะเริ่มเห็นผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกมากขึ้น อีกทั้ง อัตราภาษีนำเข้าสินค้าไทยยังสูงกว่าหลายประเทศคู่แข่งที่ส่งสินค้าคล้ายกันไปตลาดสหรัฐฯ (รูปที่ 5) สะท้อนว่าภาคส่งออกไทยยังคงเผชิญผลกระทบโดยตรงจากภาษีนำเข้าสหรัฐฯ ทั้ง Income effect และ Substitution effect และผลกระทบทางอ้อมจากเศรษฐกิจโลกที่จะเริ่มชะลอตัวลง
2) ปัจจัยหนุนในช่วงครึ่งแรกของปีนี้หมดลง เช่น การเร่งส่งออกสินค้าไปตลาดสหรัฐฯ ทยอยหมดลง ปัจจัยส่งออกทองคำพิเศษไปอินเดียหมดลงหลังจบไตรมาส 1 และปัจจัยฐานต่ำ (ส่งออกโต 1.9% ในช่วง H1/2024) กลายเป็นปัจจัยฐานสูงในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ (ส่งออกโตดี 9% ในช่วง H2/2024) (รูปที่ 6 ขวา)
3) ส่งออกไทยโตสูงกว่าแนวโน้มปกติมากต่อเนื่องนานหลายเดือน จึงมีแนวโน้มจะหดตัวลง ชดเชยช่วงผิดปกติก่อนหน้า โดยรูปที่ 6 (ซ้าย) มูลค่าการส่งออกไทยขยายตัวสูงกว่าค่าเฉลี่ยมากในช่วงเดือน ม.ค. - มิ.ย. (เส้นสีม่วงสูงกว่าเส้นสีน้ำตาล) โดยเฉพาะการส่งออกไปสหรัฐฯ สะท้อนการเร่งส่งออกก่อนสหรัฐฯ เริ่มเก็บภาษีตอบโต้คู่ค้า ดังนั้น ในช่วงครึ่งปีหลัง แนวโน้มมูลค่าการส่งออกจะกลับมาสู่เส้นค่าเฉลี่ยหรือต่ำกว่าเพื่อชดเชยได้
สำหรับในปี 2026 SCB EIC ประเมินมูลค่าการส่งออกไทยมีแนวโน้มหดตัว -1.5% โดยเฉพาะช่วงครึ่งปีแรก จากปัจจัยฐานสูง (ส่งออกโต 15.0% ในช่วง H1/2025) รวมถึงหลายปัจจัยยังกดดันการส่งออกไทยต่อเนื่องจากช่วงที่เหลือของปีนี้
จับตาความเสี่ยงด้านลบเพิ่มเติมในช่วงที่เหลือของปีนี้และปีหน้า
1) ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ-จีนอาจกลับมาตึงเครียดอีกครั้ง หลังหมดช่วงลดกำแพงภาษีสูงชั่วคราว อาจส่งผลให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัวลงมากขึ้น
2) สหรัฐฯ เตรียมประกาศภาษีเฉพาะเจาะจงสินค้า (Product specific tariffs) อีกหลายรายการ เช่น ยาและเวชภัณฑ์ รถบรรทุกขนาดใหญ่ ไม้และไม้แปรรูป โดยเฉพาะสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกสำคัญของไทยและพึ่งพาตลาดสหรัฐฯ สูง เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ (เป็นสินค้าส่งออกอันดับ 1 ของไทยไปสหรัฐฯ ในปี 2024 คิดเป็น 19.2% ของมูลค่าส่งออกไทยทั้งหมดไปสหรัฐฯ และคิดเป็น 42.9% ของมูลค่าการส่งออกสินค้านี้ของไทยทั้งหมด) ทั้งนี้ทรัมป์ขู่จะประกาศเก็บภาษีนำเข้าสินค้าอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มขึ้นถึง 100%-300% ในช่วงเดือนต้นเดือน ส.ค.
3) หากสหรัฐฯ บังคับให้ใช้ Local content สูง อาจทำให้สินค้าไทยเสี่ยงถูกเก็บภาษี Transshipment 40% กระทบการส่งออกไทยรุนแรงขึ้น ปัจจุบันอุตสาหกรรมส่งออกไทยมีสัดส่วนการพึ่งพา Import content ราว 40% ของมูลค่าการส่งออกจากไทยทั้งหมดไปสหรัฐฯ (รูปที่ 8) โดยสินค้าส่งออกบางกลุ่ม เช่น โซลาร์เซลล์ อะลูมิเนียมขึ้นรูป ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และแม่พิมพ์ (Molds) มีความเสี่ยงสูงที่อาจถูกเก็บภาษี Transshipment เพราะสัดส่วน Import content ค่อนข้างสูง ขณะที่เครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก เหล็กแผ่นรีดร้อน และยางล้อ มีความเสี่ยงนี้ในระดับปานกลาง
4) เงินบาทอาจมีแนวโน้มแข็งค่าสูงเทียบคู่แข่งในภูมิภาค ในช่วงที่ผ่านมาเงินบาทไทยแข็งค่าขึ้นมาก ดัชนีค่าเงินบาท (ณ วันที่ 22 ส.ค.) แข็งค่าขึ้น 6.6%YOY ขณะที่ค่าเงินของจีน, ฟิลิปปินส์, เกาหลีใต้, อินเดียและเวียดนามอ่อนค่าลง อาจซ้ำเติมความสามารถในการแข่งขันของการส่งออกไทยในช่วงที่จะต้องเผชิญกำแพงภาษีสหรัฐฯ
5) ความขัดแย้งชายแดน ไทย-กัมพูชาอาจยืดเยื้อและรุนแรงขึ้น อาจส่งผลลบต่อการส่งออกไทยมากขึ้นในบางอุตสาหกรรม เช่น ยานยนต์ แม้ภาคส่งออกไทยจะพึ่งพาการส่งออกไปกัมพูชาค่อนข้างต่ำสัดส่วนเพียง 3.4% ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมดในปี 2024 และมีผลกระทบค่อนข้างจำกัดในปัจจุบัน ส่วนใหญ่กระทบการส่งออกสินค้าชิ้นส่วนจักรยานยนต์และพาหนะที่ไม่ใช่ยานยนต์ (กัมพูชาเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของชิ้นส่วนจักรยานยนต์ และ อันดับ 2 พาหนะที่ไม่ใช่ยานยนต์ เช่น รถลาก) อย่างไรก็ดี การส่งออกกลุ่มยานยนต์โดยรวมไปกัมพูชามีสัดส่วนไม่มากคิดเป็น 1% ของการส่งออกยานยนต์ไทยทั้งหมด (รูปที่ 7)
รูปที่ 1 : มูลค่าการส่งออกสินค้าของไทย รายสินค้าและรายตลาดสำคัญ
ที่มา : การวิเคราะห์โดย SCB EIC จากข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์
รูปที่ 2 : เครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ยังเป็นสินค้าส่งออกหลักในเดือน ก.ค. 2025
ที่มา : การวิเคราะห์โดย SCB EIC จากข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์
รูปที่ 3 : มูลค่าการนำเข้าสินค้าของไทย รายสินค้าและรายตลาดสำคัญ
ที่มา : การวิเคราะห์โดย SCB EIC จากข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์
รูปที่ 4 : ไทยโดนสหรัฐฯ เก็บอัตราภาษีนำเข้า 19% ใกล้เคียงคู่แข่งในภูมิภาคและต่ำกว่าจีน ช่วยลด Worst-case scenario ของเศรษฐกิจไทย
ที่มา : การวิเคราะห์โดย SCB EIC จากข้อมูลของ The White House
รูปที่ 5 : ภาษี 19% ช่วยลดความกังวลที่ไทยจะสูญเสียส่วนแบ่งตลาดในสหรัฐฯ ลงได้บ้าง แต่ยังมีประเด็นความสามารถแข่งขันกับคู่แข่งที่เสียภาษีอัตราต่ำกว่าไทย เช่น เม็กซิโก
ที่มา : การวิเคราะห์โดย SCB EIC จากข้อมูลของ Trademap และ The White House
รูปที่ 6 : ส่งออกไทยในช่วง H1/2025 ขยายตัวสูงกว่าแนวโน้มปกติมาก สะท้อนการเร่งส่งออก แต่อาจหดตัวสูงในครึ่งปีหลัง
ที่มา : การวิเคราะห์โดย SCB EIC จากข้อมูลของ World Integrated Trade Solutions (WITS)
รูปที่ 7 : ความขัดแย้งไทย-กัมพูชาส่งผลกระทบต่อภาพรวมการส่งออกไทยค่อนข้างจำกัดในบางกลุ่มสินค้า เนื่องจากตลาดกัมพูชามีสัดส่วน 3% แต่หากยืดเยื้ออาจกระทบรุนแรงขึ้น
หมายเหตุ : การประเมินผลกระทบจะพิจารณาจากผลกระทบต่อรายได้รวมของธุรกิจ โดยบางกลุ่มสินค้าอาจได้รับผลกระทบมาก หากมีการพึ่งพาการส่งออกไปกัมพูชาในสัดส่วนที่สูง ตัวเลขในวงเล็บคือสัดส่วนต่อการส่งออกสินค้าในหมวดนั้นทั้งหมดของไทย
ที่มา : การวิเคราะห์โดย SCB EIC
รูปที่ 8 : อุตสาหกรรมส่งออกไทยที่มีสัดส่วนการพึ่งพา Import content ในระดับสูง
คิดเป็น 40% ของมูลค่าการส่งออกจากไทยไปสหรัฐฯ ทั้งหมด
หมายเหตุ : ประเมินจากมาตรการ AD และ CVD ที่อาจขยายความครอบคลุมจากที่มีการบังคับใช้อยู่เดิม ทั้งในและต่างประเทศ เช่น มาตรการ AD/CVD ต่อกลุ่มเหล็กแผ่นรีดร้อนจากจีน/อินเดีย เป็นต้น
ที่มา : การวิเคราะห์โดย SCB EIC จากข้อมูลของ Trade in value-added OECD (TiVA)
บทวิเคราะห์โดย... https://www.scbeic.com/th/detail/product/trade-250825
ผู้เขียนบทวิเคราะห์
ภาวัต แสวงสัตย์ (pawat.sawaengsat@scb.co.th) นักเศรษฐศาสตร์
วิชาญ กุลาตี (vishal.gulati@scb.co.th) นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส
MACROECONOMICS RESEARCH
ดร. ยรรยง ไทยเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานวิจัยเศรษฐกิจและความยั่งยืน ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ (SCB EIC)
ดร.ฐิติมา ชูเชิด ผู้อำนวยการอาวุโส ผู้บริหารฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจมหภาค
ดร.ปุณยวัจน์ ศรีสิงห์ นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส
นนท์ พฤกษ์ศิริ นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส
วิชาญ กุลาตี นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส
กุศลิน จารุชาต นักเศรษฐศาสตร์
ณฐพงศ์ ตันติจิรานนท์ นักเศรษฐศาสตร์
ภัคพล ตันติวิชช์ นักเศรษฐศาสตร์
ภาวัต แสวงสัตย์ นักเศรษฐศาสตร์
ข่าวเด่น