เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยวิเคราะห์ "การปิดด่านไทย-เมียนมา คาดกระทบ การส่งออกชายแดน 5,600-9,700 ล้านบาท/เดือน"


 

· การปิดด่านชายแดนระหว่างไทย-เมียนมา ณ สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมาแห่งที่ 2 เป็นความพยายามของรัฐบาลทหารเมียนมาในการดึงอำนาจควบคุมการค้ากลับสู่ศูนย์กลาง การปิดด่านแม่สอด-เมียวดีเริ่มขึ้นตั้งแต่วันที่ 18 ส.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งรัฐบาลทหารเมียนมาต้องการตัดท่อน้ำเลี้ยงของกลุ่มต่อต้าน โดยลดช่องโหว่จากการค้าผิดกฎหมายที่เป็นแหล่งรายได้สำคัญของกองกำลังชาติพันธุ์ติดอาวุธ อย่างไรก็ดี ปัญหานี้ฝังรากลึกและเชื่อมโยงกับเครือข่ายนอกระบบที่ซับซ้อน โดยปกติแม้สินค้าจะส่งออกจากฝั่งไทยอย่างถูกต้อง แต่เมื่อเข้าสู่ฝั่งเมียนมากลับมักไม่ผ่านด่านทางการเพราะขั้นตอนการนำเข้าซับซ้อนและบางรายการต้องเสียภาษีนำเข้าสูง

· การปิดด่านมีผลกระทบต่อการค้าไทย-เมียนมาอย่างมาก เพราะ 82.5% ของการค้าระหว่างไทย-และเมียนมาเกิดขึ้นที่ชายแดน (รูปที่ 1) โดยในปี 2024 การส่งออกผ่านชายแดนมีมูลค่า 117, 726 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 80% ของการส่งออกไปเมียนมา และการนำเข้าผ่านชายแดนมีมูลค่า 91,398 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 85% ของการนำเข้าจากเมียนมา
 

 

· แม่สอดคือด่านส่งออกที่สำคัญที่สุดของไทยไปเมียนมาคิดเป็นสัดส่วน 58.1% ของมูลค่าส่งออกชายแดนไทย-เมียนมา (รูปที่ 2) เพราะเป็นช่องทางการค้าที่สั้นที่สุดในการนำเข้าสินค้าไทยไปสู่ใจกลางเมียนมา ใช้เวลาขนส่งไม่ถึง 1 วัน มีระบบถนนและโลจิสติกส์ที่พร้อม ต้นทุนต่ำ และมีคู่ค้าสะสมมายาวนาน ทำให้มีข้อจำกัดในการเปลี่ยนไปใช้เส้นทางอื่น เพราะระบบถนนยังไม่พัฒนา และการขนส่งทางเรือไปย่างกุ้งต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่า 3 วัน ยิ่งตอกย้ำว่าด่านแม่สอดมีความสำคัญต่อการบริโภคของชาวเมียนมา การหยุดชะงักครั้งนี้ทำให้ผู้ประกอบการที่พึ่งพาแม่สอดเป็นหลักได้รับผลกระทบโดยตรง รถบรรทุกหลายร้อยคันติดค้าง สูญเสียทั้งต้นทุนและโอกาสทางการค้า โดยเฉพาะสินค้าที่พึ่งพาการส่งออกผ่านด่านแม่สอดในสัดส่วนสูง (รูปที่ 3) เช่น โทรศัพท์/สมาร์ทโฟน (94% ของการส่งออกไปเมียนมาผ่านแม่สอด) เภสัชภัณฑ์ (66%) น้ำมันปาล์ม (46%) และสินค้าเกษตร (46%)

 

 

· ปัจจุบัน ด่านแม่สอด-เมียวดียังคงปิด อีกทั้งรัฐบาลทหารเมียนมาก็ต้องการดึงอำนาจควบคุมการค้ากลับสู่ศูนย์กลางจึงมีความเป็นไปได้ว่าจะมีการปิดด่านชายแดนอื่น ๆ เพิ่มเติมเ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินว่า หากปิดด่านแม่สอด-เมียวดี ไทยจะสูญเสียรายได้จากการส่งออก 5,600 ล้านบาทต่อเดือน หรือคิดเป็นราว 4.8% ของการส่งออกชายแดนไทย-เมียนมา แต่หากสถานการณ์ขยายไปยังด่านชายแดนอื่น ๆ ทั้งหมด ผลกระทบจะเพิ่มขึ้นเป็น 9,700 ล้านบาทต่อเดือน หรือคิดเป็นราว 8.2% ของการส่งออกชายแดนไทย-เมียนมา

 

 

· ในระยะต่อไป เหตุการณ์นี้อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของแนวโน้มการค้าชายแดนไทย-เมียนมา เพราะสะท้อนถึงความเสี่ยงเชิงโครงสร้างที่ให้น้ำหนัก

กับเส้นทางการค้าหลักเพียงจุดเดียว จึงเป็นโอกาสที่ไทยจะได้ทบทวนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจชายแดนอย่างเป็นระบบ วางมาตรการรับมือความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นจากการเมืองภายในของประเทศเพื่อนบ้านอย่างรอบคอบยิ่งขึ้น และกระจายความเสี่ยงไปยังช่องทางอื่น เช่น การพัฒนาท่าเรือระนองที่ช่วยเสริมความั่นคงทางการค้าทางทะเลฝั่งอันดามันของไทย

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 27 ส.ค. 2568 เวลา : 15:53:33
07-09-2025
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ September 7, 2025, 3:55 pm