เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค (Thailand Regional Economic Sentiment Index: RSI) ประจำเดือนสิงหาคม 2568


 

“ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาคประจำเดือนสิงหาคม 2568 สะท้อนแนวโน้มเศรษฐกิจภูมิภาคในระยะ 6 เดือนข้างหน้าที่ยังขยายตัวได้ โดยเฉพาะในภาคเหนือและภาคตะวันตก เป็นผลจากแนวโน้มเศรษฐกิจในภาคบริการและภาคอุตสาหกรรมที่ปรับตัวดีขึ้น ทั้งนี้ ควรติดตามประเด็นความผันผวนของสภาพภูมิอากาศ สถานการณ์ความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา และความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการเมืองภายในประเทศเป็นสำคัญ”

นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลังเปิดเผย ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาคประจำเดือนสิงหาคม 2568 จากการประมวลผลข้อมูลการสำรวจภาวะเศรษฐกิจรายจังหวัดจากสำนักงานคลังจังหวัด 76 จังหวัดทั่วประเทศ และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เพื่อจัดทำดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาคพบว่า “ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาคประจำเดือนสิงหาคม 2568 สะท้อนแนวโน้มเศรษฐกิจภูมิภาคในระยะ 6 เดือนข้างหน้าที่ยังขยายตัวได้ โดยเฉพาะในภาคเหนือและภาคตะวันตก เป็นผลจากแนวโน้มเศรษฐกิจในภาคบริการและภาคอุตสาหกรรมที่ปรับตัวดีขึ้น ทั้งนี้ ควรติดตามประเด็นความผันผวนของสภาพภูมิอากาศ สถานการณ์ความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา และความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการเมืองภายในประเทศเป็นสำคัญ” โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้ 

ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภาคเหนืออยู่ที่ระดับ 74.2 สะท้อนถึงความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจที่ขยายตัวได้ โดยเฉพาะในภาคบริการและภาคอุตสาหกรรม จากการจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ โดยเฉพาะในช่วงต้นปีที่ยังอยู่ในช่วงฤดูการท่องเที่ยว อีกทั้งยังเป็นช่วงเก็บเกี่ยวผลผลิต ซึ่งเป็นวัตถุดิบในการแปรรูป ประกอบกับความต้องการสินค้าอุตสาหกรรมที่มีต่อเนื่อง ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภาคตะวันตกอยู่ที่ระดับ 70.7 สะท้อนถึงความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจที่ปรับตัวได้ดี โดยมีแรงสนับสนุนจากภาคบริการและภาคอุตสาหกรรม จากนโยบายกระตุ้นการบริโภคและสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของรัฐบาล โดยเฉพาะในช่วงฤดูการท่องเที่ยว ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนืออยู่ที่ระดับ 68.3 โดยมีแรงสนับสนุนจากภาคเกษตรและภาคบริการเป็นสำคัญ เนื่องจากจะอยู่ในช่วงฤดูการเก็บเกี่ยวพืชเศรษฐกิจที่สำคัญ และอุปสงค์สินค้าเกษตรยังมีต่อเนื่อง ประกอบกับคาดว่าจะมีมาตรการสนับสนุนจากภาครัฐ ซึ่งรวมถึงการเปิดใช้สะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 5 ในช่วงปลายปี 2568 และหลายพื้นที่ยังมีการจัดกิจกรรมดึงดูดนักท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ยังส่งสัญญาณบวกต่อเนื่องที่ระดับ 67.6 สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภาคใต้อยู่ที่ระดับ 67.3 โดยมีแรงขับเคลื่อนหลักจากความเชื่อมั่นในภาคบริการและการลงทุน เนื่องจากจะยังอยู่ในช่วงฤดูการท่องเที่ยว ประกอบกับมีนโยบายสนับสนุนและส่งเสริมภาคบริการและเศรษฐกิจของภาครัฐ ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภาคตะวันออกอยู่ที่ระดับ 66.1 สะท้อนถึงความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจที่ขยายตัวได้ โดยเฉพาะในภาคบริการและการจ้างงาน จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการส่งเสริมการท่องเที่ยวจากทั้งภาครัฐและเอกชนในช่วงหนาว ซึ่งเป็นฤดูการท่องเที่ยว และคาดว่าจะส่งผลให้การจ้างงานโดยรวมมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้น รวมถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะช่วยผ่อนคลายภาระหนี้ของครัวเรือนลง อย่างไรก็ตาม ความไม่แน่นอนเศรษฐกิจโลก การแข่งขันด้านการส่งออกกับประเทศต้นทุนต่ำ และปัญหาความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชายังเป็นปัจจัยสำคัญที่อาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนได้ ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภาคกลางอยู่ที่ระดับ 65.0 โดยมีแรงสนับสนุนจากภาคเกษตรและภาคอุตสาหกรรม จากความต้องการสินค้าเกษตรและราคาสินค้าเกษตรที่คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้น รวมถึงมาตรการช่วยเหลือจากภาครัฐ รวมถึงภาคการท่องเที่ยวที่คาดว่าจะฟื้นตัว และทางด้านดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจ กทม. และปริมณฑล อยู่ที่ระดับ 61.1 โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากแนวโน้มความเชื่อมั่นในการลงทุนและภาคอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ผู้ประกอบการบางส่วนยังมีความกังวลต่อสภาพอากาศที่แปรปรวน ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคต่อการเดินทางท่องเที่ยว และอาจก่อให้เกิดภัยพิบัติได้ รวมถึงสถานการณ์ความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ตลอดจนความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกและสถานการณ์การเมืองในประเทศเป็นสำคัญ

 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 28 ส.ค. 2568 เวลา : 17:56:21
07-09-2025
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ September 7, 2025, 4:00 pm