• แอล พี เอส โปรเจค มาเนจเมนท์ ประกาศความสำเร็จในการเป็นเบื้องหลังผู้ให้บริการวงการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจรมานานกว่า 30 ปี พร้อมก้าวสู่การดูแลครอบคลุมทุกมิติ ทั้งพัฒนาโครงการ บริหารโครงการและควบคุมงานก่อสร้าง รับเหมาก่อสร้าง ซ่อมแซม บริการด้านวิศวกรรมอาคารชุด งานบำรุงรักษา และบริการรับบริหารโครงการแบบ “One-Stop Service”
• ตั้งเป้าหมายการเติบโตทางธุรกิจระยะ 3 ปี เติบโตเฉลี่ยปีละ 26% มั่นใจในจุดแข็งด้วยประสบการณ์ยาวนานและปรับตัวตลอดเวลา พร้อมเดินหน้าเป็นผู้นำบริการอสังหาริมทรัพย์แบบ ครบวงจรที่ขับเคลื่อนความสำเร็จโครงการอสังหาฯรายใหญ่
นายอนุวัฒน์ มณีนพรัตน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล พี เอส โปรเจค มาเนจเมนท์ จำกัด หรือ LPS (บริษัทในเครือ LPP Property Management) เปิดเผยว่า LPS ผู้ให้บริการที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร ที่มีประสบการณ์มายาวนานกว่า 30 ปี เตรียมยกระดับสู่การเป็น “One-Stop Service” ที่ช่วยเปลี่ยนวิธีคิดของเจ้าของโครงการในยุคใหม่ โดยที่ผ่านมา LPS ให้บริการครอบคลุมงานที่ปรึกษาพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ งานบริหารโครงการและควบคุมงานก่อสร้าง และต่อมาได้ขยายมายังกลุ่มธุรกิจรับเหมาออกแบบ ก่อสร้าง ปรับปรุง ต่อเติม ซ่อมแซม และบริการด้านวิศวกรรมอาคารชุดครอบคุลมการบำรุงรักษา ซึ่งทำให้มีความพร้อมในการให้บริการแบบ One-Stop Service ได้ในปัจจุบัน
อีกหนึ่งก้าวสำคัญที่จะยกระดับบริการของ LPS สู่การเป็น “One-Stop Service” คือ ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในการเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของโครงการอสังหาฯ ทั้งโครงการขนาดเล็ก-ใหญ่ มาอย่างยาวนาน ซึ่งสะท้อนถึงความเข้าใจในทุกมิติของการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ด้วยทีมงานมืออาชีพ ผสานเทคโนโลยีและนวัตกรรมการบริหารโครงการ เพื่อรองรับความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของตลาดอสังหาริมทรัพย์ยุคใหม่ พร้อมมุ่งมั่นเป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่สามารถให้บริการได้ครบวงจรในทุกขั้นตอนของการพัฒนาโครงการอย่างแท้จริง โดย LPS เคยเป็นหนึ่งผู้ขับเคลื่อนงานพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ภายใต้ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ LPN และต่อมาในปี 2565 ได้มีการปรับโครงสร้างการประกอบธุรกิจ โอนย้าย LPS เข้ามาอยู่ภายใต้บริษัทในเครือ LPP
ทั้งนี้ แม้ในภาวะปัจจุบันภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์จะไม่ได้เติบโตอย่างหวือหวา เนื่องจากได้รับแรงกดดันจากภาวะเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตามการเติบโตของอสังหาฯ ยังมีหลายเซกต์เมนต์ที่เติบโตไปได้ เช่น โรงแรม โรงพยาบาล โรงงาน ฯลฯ รวมถึงตลาดของการ Redevelop ก็ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยการนำอาคารเก่าบนที่ดินที่มีศักยภาพมาปรับปรุงให้ทันสมัย สามารสร้างคุณค่าและมูลค่าได้ ซึ่งถือเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าและยั่งยืน ทั้งในแง่ของการลงทุนและสิ่งแวดล้อม โดยอาคารที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ LPS จะพัฒนาให้มีประสิทธิภาพในการใช้พลังงานที่ดีขึ้น เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และมีระบบบริหารจัดการอาคารที่สอดคล้องกับแนวคิด Smart Building ซึ่งนอกจากจะช่วยลดต้นทุนการดำเนินงานในระยะยาวแล้ว ยังสามารถเพิ่มมูลค่าอาคารและตอบโจทย์ด้าน ESG (Environment, Social, Governance) ที่นักลงทุนและผู้บริโภคให้ความสำคัญมากขึ้น
ทั้งนี้ อีกหนึ่งการเติบโตที่เห็นได้ชัดในปีนี้ และคาดว่าจะต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า คือ งานบริการด้านวิศวกรรม ซึ่งได้รับแรงหนุนจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้มีความต้องการงานปรับปรุงและซ่อมแซมอาคารเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดย LPS ได้รับความไว้วางใจให้เข้าไปดำเนินงานซ่อมแซมและปรับปรุงอาคารต่าง ๆ มากกว่า 100 เคส และยังมีอีกหลายโครงการที่อยู่ระหว่างการเสนอราคา ซึ่งถือเป็นโอกาสในการเติบโตอย่างต่อเนื่องของบริการด้านวิศวกรรมในระยะยาว และยังช่วยเสริมศักยภาพของ LPS ในการให้บริการแบบ One-Stop Service ได้อย่างครบวงจร ตั้งแต่การสำรวจ ออกแบบ ควบคุมงาน ไปจนถึงการส่งมอบโครงการให้พร้อมใช้งาน
“ปัจจุบัน LPS ได้รับความไว้วางใจจากหลายโครงการที่อยู่ระหว่างการ Redevelop อาทิ โครงการ CANVAS 39 ปรับปรุงจากอพารท์เมนท์เป็นคอนโดมิเนียม โครงการปรับปรุงโรงแรมร้างแห่งหนึ่งในจังหวัดระยอง รวมถึงโครงการปรับปรุงคอนโดสู่ธุรกิจโรงแรม ฯลฯ โดยบริการของ LPS จะเริ่มที่ Survey ออกแบบทางสถาปัตยกรรมและวิศวกรรม รับเหมาก่อสร้าง ควบคุมงานให้เสร็จสมบูรณ์พร้อมใช้ แล้วส่งมอบให้ลูกค้าเพื่อนำไปติดแบรนด์ของตัวเอง ซึ่งที่ผ่านมา LPS เคยอยู่เบื้องหลังและขับเคลื่อนความสำเร็จให้แก่ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ (Developer) โครงการขนาดใหญ่มาแล้ว
“โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา LPS ได้ส่งมอบผลงานมาแล้วกว่า 100 โครงการ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ครอบคลุมทั้งโครงการแนวราบ อาคารพาณิชย์ คอนโดมิเนียม และอาคารสำนักงาน ซึ่งแต่ละโครงการล้วนสะท้อนถึงความไว้วางใจและความเชื่อมั่นในประสบการณ์ของ LPS ในบทบาทการเป็นพาร์ตเนอร์ที่ช่วยผลักดันธุรกิจของลูกค้าให้เติบโตไปพร้อมกัน”
LPS ตั้งเป้าหมายในการเป็นผู้นำในธุรกิจบริการแบบครบวงจรแบบ “One-Stop Service” ด้านการพัฒนาและบริหารโครงการอสังหาริมทรัพย์ ครอบคลุมตั้งแต่งานที่ปรึกษา ออกแบบ งานวิศวกรรม ควบคุมและงานก่อสร้าง ไปจนถึงการส่งมอบโครงการ และตั้งใจส่งมอบงานที่ตอบโจทย์ของสังคมที่เปลี่ยนแปลงในกลุ่มคนทุกเจนเนอเรชั่น ทั้งกลุ่มคนรุ่นใหม่และผู้สูงอายุ เช่น การเปลี่ยนพื้นที่สนามเด็กเล่นให้เหมาะกับผู้สูงอายุ จัดสรรพื้นที่ Mail box ให้รองรับพัสดุออนไลน์ที่มากขึ้น และสร้างมูลค่าใหม่ ๆ ให้โครงการอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ Developer และ Property User รู้สึกอุ่นใจเมื่อเราเข้าไปดูแล และอีกหนึ่งหัวใจสำคัญที่จะเป็นจุดแข็งของ LPS คือ การเป็นผู้เล่นในตลาดที่มีประสบการณ์มายาวนาน เป็นผู้ทำงานเบื้องหลังให้กับลูกค้ามากว่า 30 กว่าปี ให้กับลูกค้าทุกกลุ่ม เช่น กลุ่มที่อยู่อาศัย โรงแรม รีเทล ออฟฟิศ โรงพยาบาล warehouse หรือ factory โดยปัจจุบันสัดส่วนลูกค้า กลุ่มที่เติบโตสูงสุด คือ กลุ่มที่อยู่อาศัย คิดเป็นสัดส่วน 80% ของลูกค้าทั้งหมด รองลงมาคือลูกค้ากลุ่มโรงแรม คิดเป็น 10 และกลุ่มอื่นๆ 10% และภายใน 3-5 ปี จะตั้งเป้าปรับสัดส่วนลูกค้ากลุ่มที่อยู่อาศัย กับกลุ่มอื่นๆ เป็นสัดส่วน 50 ต่อ 50
ในปี 2568 LPS ตั้งเป้ารายได้อยู่ที่ 300 ล้านบาท โดยจากภาพรวมการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมา คาดว่าบริษัทจะสามารถทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ ขณะที่แผนการเติบโตระยะกลางภายใน 3 ปีข้างหน้า บริษัทตั้งเป้าเพิ่มรายได้เป็น 2 เท่าหรือมากกว่า 600 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยปีละประมาณ 26% นายอนุวัฒน์ กล่าว
ข่าวเด่น