ฝ่ายธุรกิจตลาดเงินและธุรกรรมระหว่างประเทศ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วงสัปดาห์นี้ ระหว่างวันที่ 7 – 14 ตุลาคม 2568 เคลื่อนไหวอยู่ที่ประมาณ 32.44 บาทต่อดอลลาร์ โดยมีกรอบการเคลื่อนไหวระหว่าง 32.00–32.75 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งสะท้อนถึงความผันผวนที่เกิดจากปัจจัยเศรษฐกิจและการเมืองระหว่างประเทศที่ส่งผลต่อทิศทางของค่าเงินอย่างมีนัยสำคัญ
สถานการณ์ในสหรัฐอเมริกาได้ส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการลงทุนทั่วโลก โดยเมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา หน่วยงานของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ได้เริ่มปิดการดำเนินงานอย่างเป็นทางการ ซึ่งนับเป็นการปิดหน่วยงานรัฐบาลครั้งแรกในรอบเกือบ 7 ปี และเป็นครั้งที่ 3 ภายใต้การบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สาเหตุเกิดจากความล้มเหลวในการเจรจาระหว่างพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกันเกี่ยวกับการจัดสรรงบประมาณชั่วคราว ส่งผลให้ข้อมูลเศรษฐกิจบางส่วน เช่น ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร (NFP) ต้องถูกเลื่อนการเผยแพร่ออกไป
ในด้านตลาดแรงงาน ตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนของสหรัฐฯ (ADP) ในเดือนกันยายนปรากฏว่าลดลงถึง 32,000 ตำแหน่ง ซึ่งถือเป็นการหดตัวครั้งใหญ่ที่สุดในรอบกว่า 2 ปีครึ่ง และสวนทางกับความคาดหวังของนักลงทุนที่ประเมินว่าจะเพิ่มขึ้น 52,000 ตำแหน่ง อีกทั้ง ADP ยังได้ปรับทบทวนตัวเลขการจ้างงานในเดือนสิงหาคมลดลงอีก 3,000 ตำแหน่ง
ขณะที่ดัชนีภาคบริการของสหรัฐฯ จากสถาบัน ISM (Institute for Supply Management) ในเดือนกันยายนปรับตัวลดลงสู่ระดับ 50.0 จากระดับ 52.0 ในเดือนก่อนหน้า ซึ่งต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ระดับ 51.7 ส่วนดัชนี ISM ภาคการผลิตปรับตัวขึ้นเล็กน้อยสู่ระดับ 49.1 สูงกว่าที่คาดไว้ที่ 49.0 แต่ยังคงอยู่ในโซนที่สะท้อนถึงภาวะหดตัวของภาคการผลิต
สำหรับค่าเงินบาทนั้น ปรับตัวอ่อนค่ามากที่สุดในรอบกว่า 1 เดือน โดยแตะระดับสูงสุดที่ 32.53 บาทต่อดอลลาร์ ก่อนจะมีการปรับฐานลงเล็กน้อยในช่วงปลายสัปดาห์ ท่ามกลางการเคลื่อนไหวของเงินสกุลในภูมิภาคที่ส่วนใหญ่ปรับแข็งค่าขึ้นตามการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งได้รับแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับการปิดหน่วยงานรัฐบาลกลาง และตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาต่ำกว่าคาดการณ์ ทั้งนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างค่าเงินบาทกับราคาทองคำในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีแนวโน้มปรับลดลงจากระดับก่อนหน้า
ข่าวเด่น