การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) หรือ RAOT นำโดย ดร.เพิก เลิศวังพง รักษาการแทนผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย พร้อมด้วย นายโกศล บุญคง รองผู้ว่าการด้านบริหาร กยท. และผู้แทนสถาบันเกษตรกรชาวสวนยาง เดินหน้าหารือหน่วยงานสำคัญของเมืองชิงเต่า มุ่งขยายโอกาสทางการค้าและการลงทุนยางพาราไทยสู่ตลาดโลก
ดร.เพิก กล่าวว่า กยท. ได้ประชุมหารือกับ Qingdao Rubber Circulation Industry Association โดยมี คุณ Yan Ying ประธานสมาคมฯ ให้การต้อนรับ พร้อมร่วมกันผลักดันโอกาสทางการค้าและร่วมกันหารือเชิงลึก โดยมุ่งประเด็นไปที่ผลักดันการสร้าง “แบรนด์ RAOT” เพื่อใช้เป็นเครื่องหมายรับรองมาตรฐานยางพาราจากสถาบันเกษตรกรไทย ตลอดจนสนับสนุนให้โรงงานของสถาบันเกษตรกรที่มีความพร้อม สามารถขึ้นทะเบียนในตลาดยางของจีนได้อย่างเป็นระบบ โดยมี Qingdao Rubber Circulation Industry Association ซึ่งเป็นสมาคมฯ ที่ดูแลเครือข่ายผู้ใช้ยางพาราขนาดใหญ่ ร่วมเป็นพันธมิตรสำคัญช่วยเปิดช่องทางตรงให้ยางพาราคุณภาพจากไทยสามารถเข้าถึงผู้ซื้อรายใหญ่ในจีนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับช่วงบ่ายของวันเดียวกัน ดร.เพิก และคณะได้เข้าพบ Mr. GAO Shanwu ตำแหน่ง Director of Administrative Committee of Free Trade Zone Qingdao Area โดยหารือแนวทางการส่งเสริมการค้าการลงทุนด้านอุตสาหกรรมยางระหว่างไทยและจีน ณ เขตการค้าเสรีเมืองชิงเต่า
ดร.เพิก กล่าวถึงประเด็นสำคัญที่หารือร่วมกันว่า กยท. มีแนวคิดในการร่วมมือจัดตั้งเขตการค้าเสรี (Free Trade Zone) ในประเทศไทย เพื่อเป็นกลไกเสริมความแข็งแกร่งด้านการค้าตลอดห่วงโซ่มูลค่า ลดต้นทุนธุรกิจ และอำนวยความสะดวกต่อการลงทุนระหว่าง 2 ประเทศ นอกจากนี้ ยังได้หารือถึงความร่วมมือในการขยายตลาดท่อส่งน้ำจากยางพาราของไทย รวมถึงการแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีการผลิต เพื่อยกระดับมาตรฐานสินค้าและตอบสนองความต้องการของตลาดจีนด้วย


สำหรับเขตการค้าเสรีเมืองชิงเต่า (Qingdao Free Trade Zone) ถือเป็นพื้นที่สำคัญ เป็นส่วนหนึ่งของเขตการค้าเสรีนำร่องมณฑลซานตง มีพื้นที่ 52 ตารางกิโลเมตร คิดเป็นร้อยละ 43.3 ของพื้นที่เขตการค้าเสรีทั้งหมดในมณฑล ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางด้านการค้า โลจิสติกส์ และการเงินในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน อีกทั้งมีมูลค่าการนำเข้า–ส่งออกสูงที่สุดเมื่อเทียบกับเขตการค้าเสรีทั้ง 3 แห่งในซานตง พร้อมทั้งเร่งพัฒนาอุตสาหกรรมเกิดใหม่ เช่น การผลิตอุปกรณ์ไฮเอนด์ และวัสดุใหม่ นอกจากนี้ ยังมีพื้นที่เชื่อมต่อกับท่าเรือชิงเต่า ซึ่งเป็นศูนย์กลางนำเข้ายางพาราที่ใหญ่ที่สุดของจีน จึงทำให้เขตการค้าเสรีแห่งนี้มีบทบาทอย่างยิ่งในการ หมุนเวียนและแปรรูปสินค้ายางพารา
ข่าวเด่น